ขอบคุณสำหรับเรือ

ขอบคุณสำหรับเรือ

ลุยช่วยคนที่น้ำท่วม

ลุยช่วยคนที่น้ำท่วม
ระวังเรือล่มนะ

ช่วยเหลือพี่น้องที่น้ำท่วม

ช่วยเหลือพี่น้องที่น้ำท่วม
เราคนไทยไม่ทิ้งกัน

อย่าลืมอธิษฐานเผื่อพี่น้องอาข่านะครับ

อย่าลืมอธิษฐานเผื่อพี่น้องอาข่านะครับ
เราต้องการคำอธิษฐานเผื่อ

ภาพนี้ให้บทเรียนอะไรบ้าง

ภาพนี้ให้บทเรียนอะไรบ้าง
จะปลอบใจ หนุนใจ กันเถิด

หัวเหดหยัง

หัวเหดหยัง
อย่าเว้าเรื่องแฟนอายเผิน

การเลือกคู่ครองที่ถูกต้อง

การเลือกคู่ครองที่ถูกต้อง
อย่าเทียมแอกกับคนไม่เชื่อ

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คุณอยู่กลุ่มไหน

1. คนโง่แต่ฉลาด
2. คนฉลาดแต่โง่
3. คนโง่ยิ่งโง่หนัก
4. คนฉลาดยิ่งฉลาด

สดุดี 14:1 คนโง่รำพึงอยู่ในใจของตนว่าไม่มีพระเจ้า เขาทั้งหลายก็เลวทรามลง กระทำกิจการที่น่าเกลียดน่าชัง ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี

สดุดี 14:2 พระเจ้าทรงมองฃลงมายังฟ้าสวรรค์ดูลุกหลานของมนุษย์ ว่าจะมีคนใดบ้างที่ฉลาดที่เสาะแสวงหาพระเจ้า

สุภาษิต 1:4 เพื่อให้ความหยั่งรู้แก่คนเขลา ให้ความรู้และความเฉลี่ยวฉลาดแก่คนหนุ่ม ทั้งปราชญ์จะได้ยินและเพิ่มการเรียนรู้และคนที่มีความเข้าใจตะได้ความชำชอง

สุภาษิต 3:7 อย่าคิดว่าตนฉลาด จงยำเกรงพระเจ้าและหันจากความชั่วร้าย

สรุปแล้ว คุณอยู่กลุ่มไหน ทุกคนต้องอยู่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแน่นอน โลกนี้จัดให้คุณ แต่คุณต้องจัดเองและเลือกเอง ว่าสมัครใจอยู่กลุ่มไหนดีเอย อ.สมชิต

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แม่สั่งให้เลิกคะ

ให้เลิกคบเดี๋ยวนี้เลย
สมหญิงกับสมชายพาแฟนหนุ่มไปพบแม่ เพื่อจะฝากเนื้อฝากตัว คุณแม่ : คุณเคยไปบาร์หรือผับหรือเปล่า? สมชาย : อย่างน้อยเดือนละครั้งครับ คุณแม่ : แล้วอบอาบนวด คาราโอเกะ และบ่อนการพนันล่ะ? สมชาย : ไปบ่อยครับ คุณแม่ : (น้ำเสียงเริ่มไม่สู้ดี) แล้วซ่องโสเภณีล่ะ? สมชาย : ก็ไปบ่อยครับ คุณแม่ : (หันมาทางลูกสาว) สมหญิง...แม่สั่งให้เลิกคบกับไอ้ผู้ชายคนนี้เดี๋ยวนี้เลย คนอะไรเลวร้ายเหลือทน? สมหญิง : คุณแม่ค่ะ สมชายเขาเป็นพนักงานเก็บค่าไฟฟ้าค่ะ คุณแม่ : ???!!!ข้อพระคัมภีร์ “จงฟังมากกว่าพูด” (ยากอบ ๑.๑๙)
ขอให้คริสเตียนไปในที่ที่เราควรไป คุณแม่จงตรวจสอบลูกเขยให้ละเอียดทุกซอกทุกมุมนะครับ

คริสเตียนต้องเป็นความสว่างของโลก

เหมือนกับวิธีการจุดไฟของพวกชนเผ่าตองเหลืองทางภาคเหนือของไทย ซึ่งอาศัยอยู่ในป่าลึกของจังหวัดแพร่และน่าน พวกเขาจะสร้างกระต๊อบแบบง่ายๆ พอใบไม้เหลืองก็จะโยกย้ายไปที่อื่น พวกเขาจุดไฟมิใช่เพื่อหุงหาอาหารเท่านั้น แต่เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และเพื่อป้องกันสัตว์ร้ายมิให้เข้ามาใกล้ด้วยความสว่างของโลก ชนิดของความสว่าง ความสว่างมีหลายอย่าง เช่น ความสว่างจากเทียน ไฟฉาย เตาไฟ ตะเกียง หลอดไฟฟ้า สปอร์ตไลท์ ดวงดาว ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ เมื่อพระเยซูตรัสว่า “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก” (ข้อ ๑๔) ขอให้สังเกตว่า พระองค์ไม่ได้บอกว่าให้เราเป็นแสงสว่างชนิดไหน แต่ให้เป็น “แสงสว่าง”ก็พอแล้ว จะสว่างมากสว่างน้อยไม่สำคัญ พระเจ้าตรัสแก่ชนชาติอิสราเอลว่า “จงลุกขึ้นฉายแสง” (อสย. ๖๐.๑) “ความสว่าง” มาจากภาษากรีก phos (โฟส) หมายถึงแสง แสงไฟ ที่แจ้ง ส่องสว่าง แสงของตะเกียง แสงของดวงอาทิตย์ หรือดวงสว่างบนท้องฟ้า แสงประทีปและแสงจากกองไฟที่ลุกโชน ส่วนมากมักจะนำมาใช้ในลักษณะนามธรรม เปรียบเทียบว่า พระเจ้าและพระเยซูคริสต์ทรงเป็นความสว่าง ส่วนฝ่ายตรงข้ามคือผีมารซาตานนั้นเป็นฝ่ายความมืด “ความสว่างจะเข้าสนิทกับความมืดไม่ได้” (๒ คร. ๖.๑๔) บ้านของผมอยู่ในสวนและมีหนูชุกชุมมาก พอตกกลางคืนมันจะยกขบวนขึ้นมาวิ่งไล่อันอยู่บนฝ้าเพดานคึกๆตลอดคืนทำให้รำคาญและนอนไม่หลับ วันหนึ่งผมก็คิดได้ว่าที่บนฝ้าเพดานนั้นมันมืด น่าจะเอาหลอดไฟขึ้นไปติดให้มันสว่างเข้าไว้ แล้วก็จริงดังคาด นับตั้งแต่วันนั้นมาพวกหนูก็ไม่มากล้ำกรายอีกเลย ท่านทั้งหลาย พระเยซูไม่ได้บอกว่าใครๆก็สามารถเป็นความสว่างได้ แต่พระองค์เจาะจงลงไปที่ผู้เชื่อและไว้วางใจในพระองค์เท่านั้น บุคคลเหล่านี้ได้สารภาพความผิดบาป ต้อนรับเอาพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด มีชีวิตจิตวิญญาณที่บังเกิดใหม่แล้ว ในสมัยโบราณคนเหล่านี้ถูกเรียกว่า พวกทางนั้น (คือทางพระเยซู) พวกคว่ำโลก (คือเมื่อเขาไปถึงที่ไหนก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงสังคมนั้นไปในทางที่ดี) และพวกคริสเตียน (เป็นคำเรียกแบบดูถูกดูหมิ่น) ในพระคัมภีร์เราพบว่า พระเยซูทรงเริ่มต้นเรียกพวกเขาเพียงไม่กี่คน และเป็นชาวประมงและคนเก็บภาษี ซึ่งถือว่าเป็นคนที่ต่ำต้อยในสังคมยุคนั้น แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปีก็ขยายออกไปนับร้อยนับพันคน จนกระทั่งปัจจุบันมีมากกว่า ๒๐ ล้านคนทั่วโลกที่ประกาศตัวว่าเป็นคริสเตียน!ตะเกียง “เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น ท่านทั้งหลายก็เป็นเหมือนตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง” (ข้อ ๑๕-๑๖) นักศาสนศาสตร์ชาวสิงคโปร์ชื่อซาบินได้บอกว่า “ในคืนเดือนมืดและท้องฟ้าโปร่ง ถ้าจุดเทียนไขขึ้นบนภูเขา ผู้ที่อยู่ห่างออกไปราว ๘๐ กิโลเมตรจะสามารถมองเห็นแสงไฟของเทียนไขนั้นได้” ซึ่งตรงกันคำตรัสของพระเยซู “นครซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้” เรื่องตะเกียงมีความหมายฝ่ายจิตวิญญาณดังนี้ ตัวตะเกียง คือผู้เชื่อทุกคน ซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้า เปาโลบอกว่า “ท่านไม่รู้หรือว่าร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตอยู่ในท่าน” (๒ คร. ๖.๑๖) ไส้ตะเกียง คือความสัมพันธ์ส่วนตัวของคริสเตียนกับพระเจ้า อันได้แก่การอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ การนมัสการ และมีชีวิตติดสนิทเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเยซูคริสต์ น้ำมัน คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ชีวิตของคริสเตียนจะไม่สามารถเป็นความสว่างได้เลยถ้าขาดพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระคัมภีร์ตักเตือนผู้เชื่อว่า “อย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ” (อฟ. ๕.๑๘) ผลของพระวิญญาณที่สำแดงออกคือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนน้อมและการรู้จักบังคับตน (กท. ๕.๒๒-๒๓) ไฟ คือความกระตือรือร้น ความร้อนรนในชีวิตประจำวันของผู้เชื่อ จำได้ไหมว่าพวกสาวกรุ่นแรกได้พากันรอคอยการเจิมอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม และในวันเพนเตคอสก็มีไฟตกลงมาจากสวรรค์ ลุกพรึบติดอยู่บนศีรษะของพวกเขาทุกคน พวกเขาจึงเป็น “คนมีไฟ” อย่างแท้จริง คริสเตียนในปัจจุบันควรจะเป็น “คนมีไฟ” เช่นเดียวกัน! ความสว่าง ทำให้เราคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในชนบท คืนหนึ่งคนตาบอดก็ได้จุดตะเกียงและเดินไปตามถนนในหมู่บ้าน ยังความแปลกใจให้แก่ผู้คนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก มีคนถามเขาว่า “คุณตาบอดแล้วจุดตะเกียงมันจะมีประโยชน์อะไร?” “มีครับ” คนตาบอดตอบ “อย่างน้อยก็ป้องกันมิให้คนอื่นเดินมาชนผม” “???!!” แต่สำหรับคริสเตียนนั้นต่างออกไป เพราะพระเยซูตรัสว่า “เราเป็นความสว่างของโลก” (ยน. ๘.๑๒)เมื่อใครเชื่อในพระองค์แล้ว เขาก็เป็นความสว่างด้วย และต้องส่งความสว่างนั้นออกไป นำคนที่อยู่ในความมืด(ความผิดบาป)มาถึงพระคริสต์อุปสรรค การเป็นตะเกียงมีอุปสรรคหลายอย่าง เช่น ถูกลมพัด คืออุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตคริสเตียน การต่อต้าน เสียงนินทาว่าร้าย ทำให้เกิดความท้อแท้ใจ หรือบางทีเพราะว่าผู้เชื่อเป็นคนดีเกินไป หรือเป็นคนเลวอย่างคาดไม่ถึงก็เป็นได้ น้ำมันหมด คือชีวิตที่ไม่ได้ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีแต่เนื้อหนังและความผิดบาป (กท. ๕.๑๙-๒๑) เป็นเหมือนหญิงพรหมจารีห้าคนที่โง่เขลา น้ำมันหมดระหว่างรอคอยการมาของเจ้าบ่าว และพลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย เอาถังครอบไว้ คือมีบางสิ่งบางอย่างปิดบังอยู่ ทำให้ผู้คนมองไม่เห็นแสงสว่างของพระคริสต์ในชีวิตของเรา ในภาษากรีก modios (มอดิออส) มีลักษณะเป็นถังที่ทำด้วยดินเหนียว ใช้สำหรับชั่วตวงเมล็ดพืช ในชีวิตของเรามีถังอะไรบ้าง? ถังแห่งความบาป ความเห็นแก่ตัว ขี้งก ขี้โลภ ถังแห่งการคดโกงคอรัปชั่น ปากร้าย ฯลฯ นักเขียนท่านหนึ่งได้บอกถึงลักษณะของคริสเตียนที่ดีว่า “มาดต้องตา วาจาต้องใจ ภายในต้องเยี่ยม!” หมายถึงคนของพระเจ้าต้องแต่งกายดี มีมนุษยสัมพันธ์(พูดจาดี) และมีจิตใจจิตวิญญาณเหมือนกับพระเยซูคริสต์สรุป นิตยสารไทม์ฉบับเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา มียอดการพิมพ์กว่า ๑ ล้านฉบับ ได้กำหนดปกเป็นภาพของเทศกาลคริสตมาส พระเยซูทรงประทับอยู่รางหญ้า แต่ในทันทีทันใดมีข่าวว่าได้จับชายที่อยู่ในความมืดได้ ภาพปกของนิตยสารก็เปลี่ยนไปเป็นภาพซัดดัม ฮุสเซนซึ่งซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน! ตรงนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สังคมของมนุษย์ปัจจุบันชอบเรื่องของความมืดมากกว่าความสว่าง แต่พระเยซูตรัสว่า “พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์ ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดหาได้ชนะความสว่างไม่” (ยน. ๑.๔-๕) ในที่สุด “ผลของความสว่างคือความดีทุกอย่าง” (อฟ. ๕.๘) จงส่องสว่างออกไป เพื่อผู้คนได้เห็นความดีของคริสเตียนแล้ว เขาจะได้ยกย่องสรรเสริญพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์. ขอพระเจ้าทรงอวยพรให้ชีวิตของคริสเตียนเป้นความสว่างทุกๆวันไม่ใช่บางวันหรือเฉพาะวันอาทิตย์ และส่องสว่างทุกๆที่ไม่ใช่เฉพาะตอนอยู่ในโบสถ์เท่านั้น และคนท่เอาถังครอบไว้ก็รีบเอาออกเพราะถังมันร้อนจนจะละลายแล้ว ส่วนคนท่ตะเกียงจวนจะดับต้องรีบเติบนำมัน คือ การอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์ และคนท่ตะเกี่ยงไม่ค่อยสว่างเพราะเขม่าเยอะ หรือบาปเยอะต้องรีบทำความสะอาด ขอให้ตะเกียงของเรามีไฟท่คนอื่นๆมองเห็นได้

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
พวกเราเป็นกลุ่มคริสตจักรท่มีความเชื่อตามหลักของพระคัมภีร์อย่างเคร่งครัด เราเชื่อว่า เรารอดโดยพระคุณพระเจ้า และเชื่อในตรีเอกานุภาพ และพระคัมภีร์66เล่มเป็นการดลใจจากพระเจ้าและไม่มีความผิดพลาดของต้นฉบับ และพระวจนะของพระเจ้าเป็นแหล่งชีวิตและความจริง เป็นหนังสือท่ช่วยในการดำเนินชีวิตประจำวัน เราเชื่อว่าเมื่อเราเชื่อในพระองค์เราได้รับองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ในทันใดนั้น เพราะทรงประทับตราเรา ( เอเฟซัส 1:13-14)