ขอบคุณสำหรับเรือ

ขอบคุณสำหรับเรือ

ลุยช่วยคนที่น้ำท่วม

ลุยช่วยคนที่น้ำท่วม
ระวังเรือล่มนะ

ช่วยเหลือพี่น้องที่น้ำท่วม

ช่วยเหลือพี่น้องที่น้ำท่วม
เราคนไทยไม่ทิ้งกัน

อย่าลืมอธิษฐานเผื่อพี่น้องอาข่านะครับ

อย่าลืมอธิษฐานเผื่อพี่น้องอาข่านะครับ
เราต้องการคำอธิษฐานเผื่อ

ภาพนี้ให้บทเรียนอะไรบ้าง

ภาพนี้ให้บทเรียนอะไรบ้าง
จะปลอบใจ หนุนใจ กันเถิด

หัวเหดหยัง

หัวเหดหยัง
อย่าเว้าเรื่องแฟนอายเผิน

การเลือกคู่ครองที่ถูกต้อง

การเลือกคู่ครองที่ถูกต้อง
อย่าเทียมแอกกับคนไม่เชื่อ

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แจ้งข่าวเวบใหม่

เรียนท่านที่รักในพระคริสต์ ตอนนี้เราได้ทำเวบใหม่ขึ้นมาเพิ่มเพราะเราไม่รู้ว่าเวบฟรีนี้จะให้เราใช้ถึงเมื่อไรและเนื้อที่ในการใช้น้อนมากและมีความจำกัดด้วย ท่านสามารถเข้าไปหาข้อมูลเรื่องคริสตจักรบทความหรือคำเทศนาใหม่ๆได้ที่ ( asiaforchrist.org )และหมวดภาษาไทยที่ขึ้นโชว และขอพี่น้องผู้รับใช้ที่มีภาพของคริสตจักร และรูปครอบครัวหรือแจ้งข่าว ประกาศสอนภาษาอังกฤษฟรี เราจะลงให้และมีคำเทศนาแต่ละอาทิตย์ขอท่านจดเอาท์ไลน์ ถ้ามีรายละเอียดด้วยก็ยิ่งดีจะได้ลงได้เลย ขอขอบคุณพี่น้องที่รักทุกท่าน อ.สมชิต

คำเทศนา คนล้มอย่าข้าม

เทศนา โดย อ.สมชิต
- จุดประสงค์...... เพื่อหนุนใจให้รับใช้พระเจ้าเหมือนมาระโก
- คำนำ...... เมื่อเราอ่านพระธรรมมาระโกเราเคยคิดว่าเบื้องหลังชีวิตของเขาเป็นอย่างไรบ้าง แม้พระคัมภีร์ไม่ได้บอกรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับมาระโกแต่บทเรียนจากชีวิตของเขามีมากมาย
- เรื่อง .... คนล้มอย่าข้าม ( บทเรียนจากชีวิตมาระโก) และเมื่อเราล้มอย่าให้คนข้าม
/// ประวัติย่อๆของมาระโก
1. ท่านมีแม่ที่เชื่อในพระเจ้าชื่อมารีย์และรักพระเจ้าและยอมให้บ้านเป็นสถานที่นมัสการพระเจ้า
( กจ.12:12) ดังนั้นท่านจึงได้รับคำสอนและอิทธิพลจากคริสตจักรเยรูซาเล็ม
2. มีญาติชื่อบารนาบัส อาจเป็นลุงก็ได้และจึงมีส่วนและบทบาทในชีวิตมาระโกและเป็นโอกาสที่ทำ
ให้มาระโกมีโอกาสได้ร่วมรับใช้ด้วย ( คส.4:10 กจ.4:36 15: 36-41)
3. มีเปาโลที่ท่านได้อบรมสั่งสอนมาระโกเมื่อร่วมเดินทางรับใช้ด้วยกัน ถือว่ามาระโกเป็นทีมงานของ
เปาโลด้วยและเปาโลได้กล่าวถึงบ่อยๆ ( คส.4:36 2ทธ 4: 11 ฟม.24)
4. มีเปโตรที่ท่านมาระโกได้ร่วมรับใช้ ในคริสตจักรกรุงโรมและท่านอาจจะเขียนพระกิตติคุณตามคำ
บอกเล่าของเปโตรเพราะท่านเคยใช้ชีวิตอยู่กับพระเยซูโดยตรง
///บทเรียน ชีวิตมาระโกมีบทเรียนอะไรบ้าง ( 3 ล )
ท่านเคยลุย ( ร่วมรับใช้ )
- เคยร่วมรับใช้ มีส่วน มีบทบาทในคริสตจักรเยรูซาเล็ม ได้ผ่านเหตุการณ์ข่มเหงต่างๆ
ท่านจึงได้มีความคุ้นเคยสนิทสนมกับอัครทูตและกลับใจก่อนเปาโลเสียอีก ( กจ.12:12)
ดังนั้นบารนาบัสจึงมองเห็นแว เห็นชีวิตของมาระโกที่พระเจ้าจะใช้ได้
- เคยร่วมรับใช้ และลุยกับบารนาบัสและเปาโล เป็นช่วงแรกที่ได้ได้รับใช้
- เป็นการสังเกต ฝึกฝน เสริมสร้าง อบรม ประสบกับสถานการณ์จริง ในสนามรบ
/// นี่คือการเตรียมชีวิตแห่งการรับใช้ของมาระโก พระเจ้าทรงใช้ แม่ ทรงใช้ เหตุการณ์
และทรงใช้บารนาบัสและเปโตรด้วยในการเสริมสร้างชีวิตของมาระโก
/// วันนี้ท่านเคยลุยงาน เคยร่วมงาน เคยร่วมรับใช้ เคยลุยกับพี่น้องในการรับใช้พระเจ้าหรือไม่ เป็นโอกาสที่พระเจ้าทรงประทานให้ จงฉวยโอกาสเหมือนมาระโก จนท่านได้มีโอกาสรับใช้พระเจ้าไม่ว่าที่คริสตจักรในบ้านของเขา หรือ ร่วมเดินทางเป็นส่วนหนึ่งของทีมประกาศเปาโลและบารนาบัส
แต่ปัญหาของคริสเตียนปัจจุบันนี้คือ ไม่ลุย ไม่ร่วม ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น แค่มาโบสถ์ก็พอ ท่านจะเสียโอกาส และไม่ได้นำของมาใช้ เพื่อพระเจ้า วันนี้จงยอมร่วม มีสว่น มีบทบาทกับคริสตจักรของท่านและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมในการรับใช้ แม้เราไม่เก่ง แต่เป็นส่วนหนึ่งในการรับใช้เรียนรู้หาประสบการณ์ ผมจำได้พระเจ้าทรงเรียกผมและเตรียมผงผ่านทางผู้รับใช้ ที่เขาพาผมออกเยี่ยมเยียนพี่น้องสมาชิก ออกประกาศ และวันหนึ่งได้ไปเยี่ยมพี่น้องผู้ต้องขังที่เรือนจำ จนพระเจ้าได้ใส่ภาระในงานพันธกิจเรือนจำและปัจจุบันนี้ก็ยังทำงานนี้อยู่ นี่เป็นโอกาสที่ได้รู้ได้เรียนได้ร่วมรับใช้ วันนี้ท่านลองทำเหมือนมาระโก เมื่อรู้ว่าพระเจ้าเรียก

ท่านเคยละ ( เลิกรับใช้ ) กจ. 15:36-41
36ครั้นล่วงไปได้หลายวัน เปาโลจึงพูดกับบารนาบัสว่า “ให้เรากลับไปเยี่ยมพวกพี่น้องในทุกเมือง ที่เราได้ประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าไว้ ดูว่าเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง” 37ฝ่ายบารนาบัสอยากจะพายอห์นผู้มีอีกชื่อหนึ่งว่ามาระโกไปด้วย 38แต่เปาโลไม่เห็นควรที่จะพายอห์นไปด้วย เพราะครั้งก่อนยอห์นได้ละท่านทั้งสองเสียที่แคว้นปัมฟีเลียและมิได้ไปทำการด้วยกัน 39แล้วได้เกิดการขัดแย้งกันจนต้องแยกกัน บารนาบัสจึงพามาระโกลงเรือไปยังเกาะไซปรัส 40แต่เปาโลได้เลือกสิลาส และเมื่อพวกพี่น้องได้ฝากท่านทั้งสองไว้ในพระคุณของพระเจ้าแล้ว ท่านก็ไป 41ท่านจึงไปตลอดแคว้นซีเรียกับแคว้นซิลีเซียหนุนใจคริสตจักรให้แข็งแรงขึ้น

- ท่านมาระโกได้ หนีกลับ ได้ละเปาโลและบารนาบัส ท่านท้อแท้ ท่านท้อถอย ท่านกลัว และท่านเลิกรับใช้หยุดก่อน ถอยก่อนในยกนี้ เพราะอาจเผชิญกับความกลัว ความลำบาก การข่มเหง การเหน็ดเหนื่อยในการเดินทางและทำงานหนักกับเปาโลและบารนาบัส และท่านคงคิดว่าถ้าเป็นเช่นนี้คงจะเป็นภาระเป็นอุปสรรคต่องานและเพื่อร่วมงาน และเพราะท่านอาจจะยังไม่เติบโตเพียงพอและอาจจะยังหนุ่มอยู่
- ท่านมาระโกอาจมองงานรับใช้ในตอนแรก สนุก น่ามีเกียรติยกย่อง เมื่อท่านได้เห็นชีวิตผู้รับใช้อย่างเปาโลและบารนาบัสมารายงานที่คริสตจักร ก็คงอยากรับใช้ อยากไปด้วย โดยไม่ด้มองอีกแง่หนึ่งมุมหนึ่งว่าเขาต้องเจออะไรบ้าง เปาโลได้บอกประสบการณ์ในการรับใช้ไม่ใช้สดวก สบายอย่างที่คิด
( 2คร 11:23-27) เขาเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์หรือ ข้าพเจ้าเป็นดีกว่าเขาเสียอีก (ข้าพเจ้าพูดอย่างคนบ้า) ข้าพเจ้าทำงานใหญ่ยิ่งกว่าเขาอีก ข้าพเจ้าติดคุกมากกว่าเขา ข้าพเจ้าถูกโบยตีเกินขนาด ข้าพเจ้าหวิดตายบ่อยๆ 24พวกยูเดียเฆี่ยนข้าพเจ้าห้าครั้งๆละสามสิบเก้าที 25เขาตีข้าพเจ้าด้วยตะบองสามครั้ง เขาเอาก้อนหินขว้างข้าพเจ้าครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเผชิญภัยเรือแตกสามครั้ง ข้าพเจ้าลอยอยู่ในทะเลวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง 26ข้าพเจ้าต้องเดินทางบ่อยๆ เผชิญภัยอันน่ากลัวในแม่น้ำ เผชิญโจรภัย เผชิญภัยจากชนชาติของข้าพเจ้าเอง เผชิญภัยจากคนต่างชาติ เผชิญภัยในนคร เผชิญภัยในป่า เผชิญภัยในทะเล เผชิญภัยจากพี่น้องทรยศ 27ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยและยากลำบาก ต้องอดหลับอดนอนบ่อยๆ ต้องหิวและกระหาย ต้องอดข้าวบ่อยๆ ต้องทนหนาวและเปลือยกาย
- ท่านมาระโก คงยังไม่พร้อม และยังไม่เข้าใจงานรับใช้ หรือยังเข้าไม่ถึงเนื้องาน ที่ท่านเห็นในตอนแรกก็แค่ภาพภายนอก ที่ดูแล้วง่าย ดูแล้วคงทำได้ไม่ยาก และดูแล้วสนุกและมีหลายคนยกย่องให้เกียรติ และเห็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าเมื่อฟังเปาโลและบารนาบัสเล่าให้ฟัง ดังนั้นเป็นหนังคนละม้วน ภาคหนึ่งมาระโกลุยงาน และภาคที่สองละงาน ลาออกจากงาน เลิกทำงาน หยุดไว้ก่อน เผ่นหนีกลับ วิ่งหางจุกตูด
/// วันนี้ชีวิตของเราเป็นอย่างไร เคยลุยงาน เคยร่วมรับใช้ เคยยืนอยู่ในตำแหน่งอะไรในคริสตจักร เคยเป็นผู้นำแล้ว ละงานรับใช้ หยุดชั่วคราว เลิกถาวร มีคริสเตียนมากมายที่มีสภาพเหมือนมาระโกตอนนี้ ละทิ้งงาน หนีกลับ หนีหาย ไม่สู้ เลิกรับใช้ ดังนั้นเราต้องเข้าใจงานของพระเจ้าจริงๆ ไม่ใช่สนุก เราต้องจริงจัง เราต้องยอม เราต้องเสียสละ เราต้องทรหดอดทน เหมือนที่เปาโลได้กล่าวไว้ว่า ....เขาเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์หรือ ข้าพเจ้าเป็นดีกว่าเขาเสียอีก (ข้าพเจ้าพูดอย่างคนบ้า) ข้าพเจ้าทำงานใหญ่ยิ่งกว่าเขาอีก ข้าพเจ้าติดคุกมากกว่าเขา ข้าพเจ้าถูกโบยตีเกินขนาด ข้าพเจ้าหวิดตายบ่อยๆ 24พวกยูเดียเฆี่ยนข้าพเจ้าห้าครั้งๆละสามสิบเก้าที 25เขาตีข้าพเจ้าด้วยตะบองสามครั้ง เขาเอาก้อนหินขว้างข้าพเจ้าครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเผชิญภัยเรือแตกสามครั้ง ข้าพเจ้าลอยอยู่ในทะเลวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง 26ข้าพเจ้าต้องเดินทางบ่อยๆ เผชิญภัยอันน่ากลัวในแม่น้ำ เผชิญโจรภัย เผชิญภัยจากชนชาติของข้าพเจ้าเอง เผชิญภัยจากคนต่างชาติ เผชิญภัยในนคร เผชิญภัยในป่า เผชิญภัยในทะเล เผชิญภัยจากพี่น้องทรยศ 27ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยและยากลำบาก ต้องอดหลับอดนอนบ่อยๆ ต้องหิวและกระหาย ต้องอดข้าวบ่อยๆ ต้องทนหนาวและเปลือยกาย
- ตอนนี้เราไม่มีการข่มเหงหนักเหมือนเปาโล แต่ตัวเราเองที่ไม่สู้ เราเองที่เลิก เราเองที่ไม่เข้าใจงานรับใช้ เราเองไม่อุทิศชีวิต ไม่เสียสละ ดังนั้นมารซาตานรู้จุดอ่อนของเราดี และวันนี้ขอให้เรามองงานของพระเจ้าอย่างถูกต้อง อย่ามองเผินๆ อย่ามองแค่ผิว อย่าคิดว่าเป็นนักเทศหรือผู้รับใช้เราจะมีเกียรติ หลายคนยกย่อง และสะดวกสบาย ใช่ครับ ผู้รับใช้ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดๆว่า เป็นนักเทศหรือผู้รับใช้พระเจ้าแล้วรวย ไปต่างประเทศ มีรถขับ มีโน๊ตบุค และมือถือ แต่งตัวโก้ และเวลาสอนทุกคนต้องฟัง ไปไหนก็มีคนเลี้ยงอาหาร และได้นอนโรงแรมอย่างดี ผู้รับใช้บางคนชอบใช้ชีวิตแบบนี้จนไม่ระวังตัวจนทำให้คริสเตียนบางคนเข้าใจผิดและมีคนไทยบางคนเข้าใจว่ามิชชั่นนารีนั้นรวยและสบาย เป็นครูสอนศาสนาคริสต์ แต่เขาไม่ได้มองผู้รับใช้แท้ๆ จริงๆ ลำบากอย่างไร เสียสละอย่างไร ไม่เห็นตอนเขาลุยงาน ทุ่มเทอย่างหนัก
- แม้งานของพระเจ้าจะเป็นงานที่ต้องเสียสละ มีความรับผิดชอบสูง แต่ผู้รับใช้แม้ลำบาก แต่เรามีสันตุสุข เรามีโอกาสที่มากกว่าคนอื่นๆ ดีกว่าคนอื่นๆในบางครั้งในบางเรื่อง แต่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อในการดูแลผู้รับใช้ของพระองค์ วันนี้ขอให้เราสร้างภาพของผู้รับใช้ของพระเจ้าให้ถูกต้องและชัดเจน

3. ท่านเคยลุก ( ลุกขึ้นสู้ ลุกขึ้นมารับใช้)
- ในอีกภาพหนึ่ง หรืออีกภาคหนึ่งของมาระโก เขาได้รับโอกาสที่สอง เขาได้ลุกขึ้นมาสู้ ลุกขึ้นมารับใช้ เอาจริงเอาจัง เสียสละทุ่มเทอีกครั้ง พร้อมสู้ พร้อมลุยงานรับใช้อีกครั้ง
- ท่านอาจจะได้ยาดี ยาแรง จากบารนาบัสที่ หนุนใจ ท้าทาย เปลี่ยนความคิดมุมมอง และให้โอกาส
ส่วนเปาโลก็คงเน้น การรับใช้ต้องอุทิศชีวิตเอาจริงเอาจัง เสียสละ อดทน ถ่อมใจ มีความเชื่อ กล้าหาญ
- แต่การลุกขึ้นครั้งนี้ไม่ง่าย และต้องพิสูจน์และเดิมพันด้วย ชีวิตของเขาและผู้ค้ำประกันคือบารนาบัส
เพราะเปาโลไม่ยอมให้ร่วมเป็นทีมงานด้วยในครั้งนี้ ขอเปลี่ยนตัว ขอเปลี่ยนทีม คือเอาสิลาสไปแทนมาระโก แต่บารนาบัส ไม่เปลี่ยน แค่ปรับและให้โอกาสพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง เลือกเอามาระโกไปด้วย
- เราต้องขอบคุณพระเจ้าในการลุกขึ้นสู้ครั้งนี้ของมาระโกที่ท่านสู้อย่างจริงจัง สู้อย่างสวยงาม สู้ไม่ถอย ตายเป็นตาย แลกหมัดกันเลยทีเดียว และในที่สุดท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงใช้ได้ เพราะท่านยอมจำนนต่อพระเจ้าจริงๆ
/// วันนี้พระเจ้าทรงพร้อมช่วยท่านลุกขึ้นสู้เหมือนมาระโก สู้กับบาป สู้กับความปรารถนาทางโลก และสู้กับตัวเอง สู้กับคำสบประมาทของคนอื่นๆ เวลานั้นมารก็จะกระซิบกับมาระโกว่า เลิกเถอะ คุณไม่เหมาะ คุณทำไม่ได้หรอก คุณได้แค่นี้แหละ ถอยเถอะยังไม่สาย แต่อีกด้านหนึ่ง พระเจ้าทรงบอกเขาหนุนใจให้สู้ ลุกขึ้น
รับโอกาส พระเจ้าจะช่วย พระเจ้าจะให้กำลัง พระเจ้าอยู่กับเขา ทำงานร่วมกับเขา
- วันนี้ขอให้เราลุกขึ้นจากอดีต ที่ผิดพลาด ล้มเหลว จะคำสบประมาท จากความอ่อนแอของตัวเราเอง และจากคำพูดและความผิดพลาดของคนอื่นที่ทำกับเรา ให้เราสู้ ให้เราลุกขึ้นกับพระเจ้ามองที่พระเจ้า
จงดูชีวิตของหลายๆคนที่เคยล้มแต่เขาลุกได้อีก เช่น เปโตรที่ปฏิเสธพระเยซูสามครั้ง จงดูดาวิดที่ผิดพลาดทางศีลธรรมแล้วพระเจ้าทรงให้อภัยและโอกาสลุกขึ้นได้อีก จงดูแซมสันที่ล้มลงเพราะเรื่องผู้หญิงภายหลังเขาลุกขึ้นได้อีกและจบลงอย่างสวยงาม จงดูมาระโก ที่เคยล้ม แต่ลุกขึ้นใหม่ โดยพระเจ้า
/ และคนที่ขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตของมาระโก คือ เปาโลที่เคยปฏิเสธเขาเพราะมองต่างจากบารนาบัส คือ มองที่งานถ้าเอาคนอย่างมาระโกที่เลาะแหละ ไปด้วยจะเป็นภาระกับงาน คือมองที่งาน แต่บารนาบัสมองที่คน คือถ้าให้โอกาสกับมาระโกแก้ตัวได้ สร้างเขาได้ งานก็จะอยู่ต่อไปและเกิดผลดี และในภายหลังเปาโลได้รู้ว่าตนเองก็มองผิดเหมือนกัน ( 2ทธ 4:11)จงพยายามมาพบข้าพเจ้าโดยเร็ว 10เพราะว่าเดมาสได้หลงรักโลกปัจจุบันนี้เสียแล้ว และได้ทิ้งข้าพเจ้าไปยังเมืองเธสะโลนิกา เครสเซนส์ได้ไปยังแคว้นกาลาเทีย ทิตัสได้ไปยังเมืองดาลมาเทีย 11ลูกาคนเดียวเท่านั้นที่อยู่กับข้าพเจ้า จงไปตามมาระโกและพาเขามาด้วย เพราะเขาช่วยปรนนิบัติข้าพเจ้าได้เป็นอย่างดี
สรุป.......วันนี้ กับวานนี้ต่างกันเมื่อเราสู้และเดินกับพระเจ้าเหมือนมาระโก อดีตคือครูของเรา
- มาระโกเคยลุย รับใช้ เป็นทีมประกาศร่วมกับเปาโลและบารนาบัส
- มาระโกเคยละ เลิกรับใช้ หยุด ยุติบทบาท หันกลับ หนีกลับ เพราะเหตุผลบางประการ
- มาระโกลุก คือ ลุกขึ้นสู้ ผงาดอีกครั้ง ลุยอีกครั้ง ลุยยกต่อไป จนชนะอย่างสวยงาม
/// วันนี้ขอให้เรานำบทเรียนจากชีวิตของมาระโกไปปรับใช้ และขอพระเจ้าทรงนำท่านให้ได้รับชัยชะ ความสำเร็จเหมือนมาระโก
/// มาระโกพระเจ้าทรงเตรียมท่าน ช่วยท่าน สร้างท่านโดยใช้
- ท่านบารนาบัส ที่คอยหนุนใจ ให้กำลังใจ ท้าทาย เป็นแบบอย่าง ให้โอกาส เปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ
- ท่านมีเปาโลที่ท่านเห็นแบบอย่างการเอาจริงเอาจัง และคำที่เปาโลบอกท้าไปก็จะเป็นภาระ
- พระเจ้าทรงใช้ เหตุการณ์ต่าง เป็นประสบการณ์ส่วนตัวเห็นความยิ่งใหญ่ความสัตย์ซื่อของพระองค์
- พระเจ้าทรงใช้ระยะเวลาในการเตรียม ในการเสริมสร้าง เวลาผ่านไป ก็ช่วยให้โตขึ้น เข้มแข็งขึ้น

/// มาระโกมีผลงานมากมายอยู่เบื้องหลัง จากความล้มเหลวในอดีต ท่านรับใช้ในคริสตจักรกรุงโรม
ท่านได้เขียนพระกิตติคุณมาระโก ตามคำบอกเล่าของเปโตรที่ท่านได้ร่วมงานด้วย และอื่นๆมากมาย
/// ถ้ามาระโกหยุดแค่ก้าวแรก ยกแรกเพราะคำพูดของบางคน ก็ไม่มีชัยชนะให้กับพระเจ้าในวันนี้
เมื่อท่านลุก ท่านลุยอย่างเต็มที่ เพราะถ้าไม่ลุยไม่จริงจังก็จะละ จะเลิกและจะล้มอีกได้
ขอพระเจ้านำท่านอวยพระพรท่านเหมือนมาระโก

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

จงเดินกับพระเจ้าอย่างสง่างาม อ.สมชิต

เทศนา
- จุดประสงค์......เพื่อหนุนใจให้คริสเตียนเดินกับพระเจ้าอย่างมีความสุขและเกิดผลดี
- คำนำ..... การเดินกับพระเจ้าในโลกนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายและไม่ใช่เรื่องง่ายแต่การเดินกับพระเจ้านั้นเราจำเป็นต้องเดินอย่างมั่นใจ เดินอย่างมั่นคง และการเดินก็ย่อมมีอุปสรรค์ เป็นเรื่องธรรมดา
- เรื่อง ..... การเดินกับพระเจ้าอย่างสง่างาม ( เพลง159)
/// เราจะเดินอย่างสง่างามกับพระเจ้าได้อย่างไร
1. เดินด้วยความเชื่อ Faith ( ฮบ 11:1-6)
- การเดินกับพระเจ้าจำเป็นต้องมีความเชื่อ เพราะพระเจ้าทรงพอพระทัยในความเชื่อ
- เพราะความหมายของความเชื่อ ทำให้เรามั่นใจ เข้าใจ และไม่ใช่ใช้ความรู้สึก
ตัวอย่าง เช่น อาเบล , เอโนค , โนอาห์ , อับราฮัม , ทุกคนได้ถูกจารึกไว้ว่าเป็นวีรบุรุษแห่งความเชื่อ
/ อาเบล เดินด้วยความเชื่อที่สำแดงออกทางการถวายเครื่องบูชา และ ชีวิต
/ เอโนค เดินกับพระเจ้าอย่างงดงามเพราะความเชื่อที่พระเจ้าพอพระทัย มีคนเป็นพยานได้
/ โนอาห์ เดินกับพระเจ้าในความเชื่อท่ามกลางคนที่ไม่เชื่อถึง เก้าร้อยห้าสิบปี ( ปฐก 9:29)
/ อับราฮัม เดินกับพระเจ้าด้วยความเชื่อที่เต็มร้อย และเดินอย่างมั่นใจและมั่นคง ข.8-
- การประยุกต์ใช้..... วันนี้เราเดินกับพระเจ้าอย่างไร มีความเชื่อไหม มีความเชื่อแบบไหน
/ ขอให้เรามีความเชื่อที่สำแดงออก พระเจ้าพอพระทัย มีคนที่ได้เห็นสัมผัสความเชื่อของเรา
/ บางคนเพื่อนบ้านยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นคริสเตียน และนับถือศาสนาอะไรจริงๆ
/ และอย่าให้เรามีความเชื่อเหมือน คาอิน และเหมือนคนอิสราเอล และซาตาน ยก 2:19
เป็นความเชื่อที่ปลอม เป็นความเชื่อที่ตาย เป็นความเชื่อที่ไร้ผล ยก 2:26
/ แต่บางคนก็มีความเชื่อบางครั้ง บางอารมณ์ บางเรื่อง บางวัน บางที่ อย่าเป็นเช่นนั้นเลย
/ แต่ขอให้ความเชื่อของเราตั้งแต่เริ่มต้น จนสุดท้าย และคนอื่นๆเห็นได้ตลอดเวลา ทุกๆวัน
2. เดินด้วยความสัตย์ซื่อ Faithful
- คือไม่ว่าวันเวลานานแค่ไหน พระเจ้าต้องการเห็นความสัตย์ซื่อของเรา
ตัวอย่าง..... ท่านโนอาห์ ต่อเรือ แม้ท่ามกลางคนที่ไม่เชื่อ สวนกระแส ท่านไม่ท้อ แต่มุ่งมั่น
ท่านอับราฮัม,ยาโคบ,โยเซฟ,ดาวิด,ดาเนียล,(โยชูวา-คาเลบ กดว.14:6-11,24-30)
/ พระเจ้าทรงยกย่อง คนเหล่านี้ผ่านทางพระคัมภีร์และทรงอวยพระพรถึงลูกหลาน
/ พระเจ้าทรงยกโยชูวากับคาเลบเป็นตัวอย่างสอนอิสราเอล ถึงความเชื่อและสัตย์ซื่อมั่นคง
- การประยุกต์ใช้...... เราเดินกับพระเจ้าด้วยความสัตย์ซื่อหรือไม่ เราสัตย์ซื่อแค่ไหน อย่างไร
/ เราสัตย์ซื่อในเรื่องการถวาย ความรับผิดชอบต่องาน ต่อของประทานการเป็นพยาน ต่อชาวโลก
/ เราสัตย์ซื่อตราบเท่าวันตายยังยืนหยัดในความเชื่อไหม จงเป็นเหมือนโยชูวาและคาเลบ แต่อย่า
เป็นเหมือน ซาอูล ที่ภายหลังไม่เชื่อฟังและไปหาคนเข้าทรง และซาโลมอนหันไปหารูปเคารพ
และชาวอิสราเอลสมัยโมเสสถึงผู้วินิจฉัยเมื่อผู้นำยังอยู่ก็เชื่อเมื่อไม่อยู่ก็หมดความเชื่อ
และสมัยของพระเยซู ท่านเปโตร ปฏิเสธสามครั้ง ยูดาทรยศ และเดมาสก็ละทิ้งความเชื่อ 2ทธ4:10
/ จงเดินอย่างสัตย์ตราบเท่าวันตายเหมือนเปาโล ( 2ทธ4:6-8) ท่านได้รักษาความเชื่อหรือแชมพ์ไว้ได้
/ จงดูดาเนียลและเพื่อนๆ สัตย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทุกๆสถานการณ์ และเสมอต้นเสมอปลาย


3. เดินด้วยจุดมุ่งหมาย Focus
- การเดินกับพระเจ้า อย่างมีหลักชัย มีเป้าหมาย มีจุดหมายปลายทาง มีทิศทาง ไม่ใช่มั่วๆ
ตัวอย่าง ... อาเบล,เอโนค,โนอาห์,อับราฮัมถึงโยเซฟ และเราปัจจบันนี้
/ อาเบลจุดมุ่งหมาย จุดศูนย์กลาง คือ พระเจ้าและความรอดทางเครื่องบูชาคือพระเยซู
/ อับราฮัมมุ่งสู่ดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญา และจนถึงสมัยอิสราเอล
/ ขอให้เราเดินในโลกนี้เหมือนเปาโล (ฟป.1:19-21) เดินกับพระเยซูคริสต์ อยู่เพื่อพระองค์

- ประยุกต์ใช้...... เราต้องเดินอย่างมีจุดมุ่งหมาย มีโฟกัสและทิศทาง ชีวิตของเราจึงจะมีค่ามีความหมาย และไม่เหนื่อยเปล่า ไม่เสียเวลาเปล่า และเป็นพระต่อชีวิตตัวเองและคนอื่น ต่องานพระเจ้า
/ อย่าเดินเหมือนนาฬิกาที่วนไปเวียนมาจนหมดลาน หรือหมดลม
/ อย่าเดินเล่นๆ เดินเรื่อยๆ เดินเรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดหมาย ไม่มีทิศทาง ไม่รู้เดินทำไม
/ จงหมายจุดหมาย คือพระเจ้า และค้นหาให้พบน้ำพระทัยของพระเจ้า
เช่น ตัวอย่าง คุณซูซาน ที่ชีวิตเพียบพร้อมแต่ไม่มีจุดมุ่งหมายของชีวิตจนได้พบกับพระเจ้า
และถวายชีวิตให้พระองค์และโลกนี้ขออยู่เพื่อพระองค์และคนอื่นๆ

สรุป..... พระเจ้าทรงมีพระประสงค์และน้ำพระทัยให้เราเดินกับพระเจ้าอย่างสง่างาม
1.จงเดินด้วยความเชื่อ มีความเชื่ออย่างถูกต้อง
2. จงเดินด้วยความสัตย์ซื่อ แม้จะพานพบอุปสรรค์ปัญหามากมาย
3. จงเดินด้วยมีจุดมุ่งหมายของชีวิต ต้องรู้ ต้องเข้าใจ ต้องเดินอย่างมีทิศทาง

/ วันนี้ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะเดินทางไหน เดินอย่างไร เดินไปเพื่ออะไร พระเจ้าจะบอกคุณ และนำคุณไป
เช่น อับราฮัม พร้อมเดินกับพระเจ้า พร้อมเรียนรู้ พร้อมเผชิญกับสิ่งที่ไม่รู้ และท่านรู้ว่าทุดก้าวที่เดิน
พระเจ้าเดินไปเคียงข้างท่าน คอยแนะนำ คอยตักเตือน คอยช่วยเหลือเสมอ
/ อย่าเดินกับพระเจ้าเหมือนอิสราเอล วกไปวนมาไม่ไปไหนเลย และบางคนเดินหันหลงกลับ บางคนแทนที่จะเดินไปข้างหน้า กลับเดินถอยหลัง และเดินออกนอกเส้นทางที่พระเจ้านำไปรับพระพรที่รออยู่
/ วันนี้ขอให้เราตั้งใจ จริงจัง จริงใจ ในการเดินกับพระเจ้าวันนี้และเดี๋ยวนี้ พระเจ้าพร้อมจะนำทางคุณเสมอ
/ วันนี้จงเดินอย่างมั่นใจ เดินอย่างงามสง่าท่ามกลางโลกที่มือมิด และสังคมที่เสื่อมทราม
/ วันนี้จงเดินทางความสว่าง ความจริงของพระเจ้า เดินในทางบริสุทธิ์
/ วันนี้จงเดินอย่างภาคภูมิใจ เดินให้เร็วขึ้น เดินไปจนถึงจุดหมาย คือวันที่พระเยซูเสด็จมา แล้วคุณจะเดินอย่างมีค่า เดินอย่างมีความสุข เดินอย่างมั่นใจ เดินอย่างสง่างาม เพราะพระเจ้าพร้อมเดินไปกับคุณตลอดเวลา
/จงเดินอย่างสง่างามกับพระเจ้าในโลกนี้และในวันหนึ่งเราจะเดินกับพระเจ้าท่ามกลางทูตสวรรค์ที่ร่วมปิติยินดี
หรือจะเดินก้มหน้า ไม่สู้หน้าใคร เพราะเราไม่ได้เดินอย่างดีและสง่างามในโลกนี้
( เพลง 159, 217,219,222,220,216,214,213,212,210,)

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความชื่นชมยินดี -JOY (เก็บตก จาก อ. สมชิต)

มีเพื่อนคริสเตียนคนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่าที่ทำงานมีคนหนึ่งถามเขาว่าทำอย่างไรจึงจะมีความสุขและมี Joy ในชีวิต เขาบอกว่า สำหรับผมเองมีความชื่นชมยินดีในชีวิตเพราะว่าผมทำตามความหมายของคำว่า Joy
คือ J - Jesus หมายความว่ามีพระเยซูอยู่ในชีวิตและให้พระองค์เป็นที่หนึ่งครอบครองชีวิตจิตใจของเราอย่างแท้จริง
O- Other หมายถึง ให้คนอื่นมาก่อนเรา รักคนอื่น ให้ความสำคัญกับคนอื่นและรักเพื่อนบ้าน คือ คนอื่น เหมือน รักตัวเราเอง อย่าให้เรามาก่อน อย่าแก่ตัว และรักคนอื่นเหมือนพระเยซูรักคนบาปทุกคน
Y - You หมายถึงตัวเราเองต้องเชื่อ วางใจ ต้องแสวงหาพระเจ้า ต้องติดสนิท ต้องอธิษฐาน และอ่านพระคัมภีร์ ทำตามพระมหาบัญชาและมหาบัญญัติ คือ รักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง และดำเนินชีวิตให้ถวายเกียรติแด่พระเจ้าทั้งการกินหรือการดื่ม ( 1 คร 10:31)
อย่าว่าแต่ชาวโลกที่ยังไม่เชื่อพระเจ้ายังต้องการความชื่นชมยินดี แม้แต่คริสเตียนเองก็ขาดความชื่นชมยินดีด้วยเพราะสาเหตุหลัก คือ ให้พระเยซูอยู่ตรงไหน อยู่ลำดับไหน และให้พระองค์มีตำแหน่งอะไรในชีวิต
และบางคนก็เอาตัวเองมาก่อน ไม่ยอมเสียสะละ ไม่ยอมเสียเปรียบ ไม่ยอมให้ใครดีกว่า เช่น คนคนอื่นดีไม่เป็นไร แต่อย่าดีกว่าผมก็แล้วกัน ทำอะไรก็อยากได้หน้า อยากอยู่หน้า และ ตัวเองไม่แสวงหาพระเจ้า ไม่เชื่อฟัง ไม่ร่วมมือก็เลยขาดความชื่นชมยินดีในชีวิต ( 1ธส 5:18) จงชื่นบานอยู่เสมอ ( ฟป4:4) จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าจงชื่นชมยินดีเถิด วันนี้ความชื่นชมยินดีเป็นของคุณาใครมาทำลายหรือขโมยความยินดีของคุณ -JOY JOY JOY

ความรักอัศจรรย์ wonderful love story

อ่านแล้วตรอง ด้วย หัวใจ จะค้นพบความจริง ที่เราอาจไม่เคยยอมรับมัน คุณครูทอมป์สันโกหกนักเรียนชั้น ป. 5 ของครูทั้งชั้นซะแล้ว ตั้งแต่วันแรกเลยด้วย คุณครูบอกเขาว่าครูรักเด็กๆ เท่ากันหมดเลย แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามีเด็กตัวเล็กๆ ท่าทางขี้เกียจคนนึง ชื่อ เท็ดดี้ สต๊อดดารด์ ครูทอมป์สันได้จับตาดูเท็ดดี้มาปีนึงและ สังเกตว่าเขาไม่ค่อยเล่นดีๆ กับเด็ก คนอื่นเท่าไหร่ เสื้อผ้าของเขาสกปรกและเค้าตัวเหม็นหึ่งอยู่ตลอดเวลาด้วยแหละและบางทีเท็ดดี้ก็เกเรด้วย ถึงขั้นที่ว่าครูทอมป์สันสนุกกับการตรวจงานของเท็ด ดี้ ด้วยหมึกสีแดง กากบาทไปหนาๆ และใส่ตัว F ตัวใหญ่ๆ ลงไปบนหัวกระดาษ ที่โรงเรียนที่คุณครูทอมป์สันสอน - - - คุณครูต้องทบทวนประวัติของเด็กแต่ละคนด้วย และครูก็ไม่ยอมตรวจประวัติของเท็ดดี้จนกระทั่งเหลือแฟ้มสุดท้าย แต่เมื่อคุณครูตรวจแฟ้มเข้า ครูทอมป์สันก็แปลกใจใหญ่เลยครับ เมื่อพบว่า …. ครูชั้น ป. 1 ของเท็ดดี้วิจารณ์มาว่า "น้องเท็ดดี้เป็นเด็กที่ฉลาดและร่าเริง ทำงานเรียบร้อย มารยาทดี เป็นเด็กที่ น่ารักมากทีเดียว" คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป. 2 เขียนว่า "เท็ดดี้เป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เพื่อนๆ ชอบกันทุกคน แต่กำลังมีปัญหา เพราะแม่ของเท็ดกำลังป่วยหนักและชีวิตทางบ้านต้องลำบากมากแน่ๆ" คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป. 3 เขียนว่า "เขาเสียใจมากที่เสียแม่ไป เขาพยายามเต็มที่แล้ว แต่คุณพ่อก็ไม่ค่อยให้ความรัก ความสนใจเขาเท่าไหร่ และชีวิตที่บ้านเขาต้องส่งผลกระทบต่อเขาแน่ๆ ถ้าไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ" คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป. 4 เขียนว่า "เท็ดดี้ไม่ยอมเข้าสังคมและไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าที่ควรไม่ค่อยมีเพื่อน และหลับในห้องเรียน ตอนนี้ คุณครูทอมป์สันรู้ถึงปัญหาแล้ว และอับอายในการกระทำของตนเองมาก ครูรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมอีกเมื่อนักเรียนในห้องซื้อของขวัญวันคริสต์มาสมา ให้ห่อในกระดาษสีสดๆ พร้อมผูกโบว์อย่างดี ยกเว้นแต่ของเท็ดดี้ ของขวัญของเท็ดดี้ถูกห่ออย่างหยาบๆ ในกระดาษลูกฟูกหนาๆ ที่ได้มาจากถุงใส่กับข้าวง ครูทอมป์สันกัดฟันเปิดกล่องของเท็ดดี้ดู กลางกองของขวัญอื่น ๆ เด็กบางคนเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นว่าเท็ดดี้ให้กำไลลูกปัดที่ไม่ครบเส้น และขวดน้ำหอมที่เหลือน้ำอยู่ก้นขวดแก่เธอ แต่ครูก็หยุดเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เมื่อครูเอ่ยขึ้นว่ากำไลเส้นนั้นสวยเพียงใดแล้วสวมมันไว้ที่ข้อมือ และฉีดน้ำหอมไปบนข้อมือด้วย เท็ดดี้ สต๊อดดารด์ นิ่งอยู่นานพอที่จะพูดว่า "ครูทอมป์สันครับ วันนี้ครูตัวหอมเหมือนที่แม่ผมเคยหอมเลยครับ" หลังจากที่นักเรียนทุกคนกลับบ้าน ครูทอมป์สันก็ร้องไห้อย่างนั้นเป็นชั่วโมง วันนั้นเอง คุณครูเลิกสอนหนังสือ เลิกสอนการเขียน และเลิกสอนเลขคณิต คุณครูเริ่มสอนเด็กๆ แทน คุณครูทอมป์สันเอาใจใส่เท็ดดี้เป็นพิเศษ เมื่อครูพยายามช่วยเขา จิตใจของเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ยิ่งครูให้กำลังใจเท็ดดี้เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตอบรับเร็วขึ้นเท่านั้น ภายในสิ้นปีนั้น เท็ดดี้ได้กลายเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในห้อง และแม้ว่าคุณครูจะบอกว่าครูรักเด็กทุกคนเท่ากัน เท็ดดี้ก็ได้กลายไปเป็น"ศิษย์โปรด" ของครู หนึ่งปีต่อมา คุณครูพบจดหมายอยู่ใต้ประตู จดหมายนั้นมาจากเท็ดดี้ บอกครูว่าคุณครูยังเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี หกปีต่อมาครูก็ได้จดหมายจากเท็ดดี้อีก บอกว่าเขาเรียนจบ ม.ปลายแล้ว ได้ที่สามในทั้งระดับ และคุณครูยังคงเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิต สี่ปีหลังจากนั้น คุณครูก็ได้จดหมายอีก บอกว่าแม้ว่าชีวิตเขาจะลำบากบ้าง เขาก็ไม่ได้เลิกเรียนหนังสือ และจะจบปริญญาตรีในเร็วๆ นี้ด้วยเกียรตินิยม อันดับหนึ่ง (เหรียญทอง) และยังย้ำกับครูทอมป์สันว่า คุณครูเป็นครูที่ดีที่สุดและเป็นครูคนโปรดใน ชีวิตเขา จากนั้นสี่ปีผ่านไปแต่จดหมายอีกฉบับหนึ่งก็มา ครั้งนี้เขาอธิบายว่าหลังจากที่เขาได้รับปริญญาตรีแล้ว เขาตัดสินใจที่จะเรียนต่ออีกนิด จดหมายนั้นอธิบายว่าคุณครูยังเป็นครูคนที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี แต่ตอนนี้ชื่อของเขายาวขึ้นอีกหน่อย จดหมายนั้นลงชื่อว่า นพ. ทีโอดอร์ เอฟ สต๊อดดารด์ เรื่องยังไม่จบแค่นี้นะ คือว่า ฤดูใบไม้ผลินั้นก็ยังมีจดหมายมาอีก เท็ดดี้บอกว่า เขาได้เจอสาวคนนึงและก็จะแต่งงานกัน เขาอธิบายว่าพ่อของเขาได้เสียไปเมื่อสองสามปีก่อนและเขาสงสัยว่าคุณครูทอมป์สัน จะตกลงมานั่งในที่นั่งสำหรับพ่อ-แม่เจ้าบ่าวในงานแต่งงานหรือไม่ แน่นอนที่สุด ครูทอมป์สันก็มา และทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น คุณครูใส่กำไลข้อมือเส้นนั้น เส้นที่มีลูกปัดหายไปหลายลูก และต้องฉีดน้ำหอมที่เท็ดดี้จำได้ว่าแม่เขาฉีดตอนที่ฉลองเทศกาลคริสต์มาสครั้งสุดท้ายด้วยกัน ครูกับศิษย์กอดกันกลมเลย และคุณหมอเท็ดก็กระซิบในหูคุณครูทอมป์สันว่า "ขอบคุณมากนะครับคุณครูที่เชื่อในตัวผม ขอบคุณมากที่ทำให้ผมรู้สึกสำคัญและแสดงให้ผมเห็นว่าผมสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้" ครูทอมป์สันกระซิบตอบพร้อมน้ำตานองหน้าว่า "หมอเท็ด เธอเข้าใจผิดแล้วแหละเธอต่างหากที่สอนครูว่า ครูสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ ครูไม่รู้จักการสอนจนกระทั่งครูได้พบ ได้รู้จักเธอนั่นแหละ" เติมเต็มหัวใจของคนอื่นด้วยความรักเสียแต่วันนี้........... โปรดจำว่า ไม่ว่าคุณจะไปไหนหรือทำอะไร คุณจะมีโอกาสที่จะ สัมผัสและ/หรือเปลี่ยนอนาคตของคนอื่นเสมอ ขอให้คุณสัมผัสและเปลี่ยนอนาคตของคนอื่นในทางทีดีด้วยล่ะ พี่น้องที่รักชีวิตของคุณหนุนใจและมีค่าและช่วยเปลี่ยนแปลงคนอื่นและชีวิตของคนอื่น่ก็หนุนใจและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา เราทุกคนทำได้ด้วยความรักของพระเยซูและมีมุมมองใหม่ที่เต็มด้วยความรัก เรื่องนี้ทำให้เห็นภาพทั้งสองต่างเป็นพระพรและเป็นครูให้แก่กันและกัน พระเจ้าทรงต้องการให้เราเป็นเช่นนั้น ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพระพร ( บทความนี้จากเพื่อนที่แสนดีส่งมาให้)

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เวลาของชีวิต อ.สมชิต

เทศนา เวลาของชีวิต
- จุดประสงค์เพื่อให้คริสเตียนให้ความสำคัญและจริงจังกับชีวิตคริสเตียน
- คำนำ....... ชีวิตของคนเราไม่แน่ไม่นอน บางคนตายเพราะเครื่องบิน เพราะรถ เพราะปืน เพราะป่วย เพราะถูกเขาฆ่า และฆ่าตัวเอง บางคนไม่อยากตายแต่ตาย บางคนอยากตายแต่ไม่ตาย และเวลาของชีวิตของเราทุกคนนั้นสั้นมากและรู้แต่วันเกิดแต่ไม่รู้วันตาย
- เรื่อง..... เวลาของชีวิต
/// เราต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับชีวิตของเราแต่ละคน อย่าละเลย อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
/// พระคัมภีร์สอนเรื่องชีวิตอย่างไร และทำไมต้องสอนเรื่องชีวิต
/// คำสอนเกี่ยวกับเรื่องเวลาของชีวิต
1. ชีวิตของคนเราเหมือนหมอก ( ยก.4:13-17 สภษ.27:1,12)
- คือ ชีวิตของเราไม่แน่นอน ชีวิตของเราสั้นๆ อยู่ได้แค่ชั่วครู่ ชั่วยาม ชั่วคราว
เช่น หมอกยามเช้า มีวันมี บางวันไม่มี และมีอยู่แค่เสี้ยวเวลาหนึ่งของเช้าตรู่ แล้วก็หายไป
เช่น เห็นกันอยู่หลัดๆ จากกันไปแล้ว ไม่แน่ไม่นอน
- แต่พระเจ้าทรงใช้ท่านยากอบให้ทางออก ให้แง่คิดกับเราถึงเรื่องเวลาของชีวิต ( 4:13-17)
นี่แน่ะท่านที่พูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น และจะอยู่ที่นั่นปีหนึ่ง และจะค้าขายได้กำไร” 14แต่ว่าท่านไม่รู้เรื่องของพรุ่งนี้ ชีวิตของท่านเป็นเช่นใดเล่า ท่านก็เป็นเช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป 15แทนที่จะพูดเช่นนั้นท่านทั้งหลายควรจะพูดว่า “ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะมีชีวิตอยู่ และจะกระทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น” 16ตามความจริงท่านทั้งหลายโอ้อวดด้วยความทะนงตน การโอ้อวดทุกอย่างเช่นนี้เป็นความชั่ว 17เหตุฉะนั้นผู้ใดรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทำ คนนั้นจึงมีบาป
/// ยากอบได้แนะนำดังนี้ 1. เราไม่ทราบวันพรุ่งนี้ เรากำหนดไม่ได้ เราต้องไม่ประมาท
โดยการไม่ตั้งหลักปักฐานในโลกนี้ ไม่ต้องตอกเสาเข็มให้ชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง
เพราะมันไม่แน่ ไม่นอน อาจไม่มีโอกาสลืมตา หรือ อาจไม่ได้ใส่รองเท้าอีกแล้ว
2. เราต้องทราบว่าพระเจ้าต่างหากที่ให้เรามีชีวิตอยู่ เพื่อทำอะไรให้พระองค์บ้าง ให้เราถวายเกียรติ ให้เรารับใช้ ให้เราประกาศ ให้เราทำเพื่อพระองค์ อยู่เพื่อพระองค์ เพราะพระองค์เป็นเจ้านาย เป็นเจ้าของ ท่านยากอบเขียนไปบอกคริสเตียนที่จะปักหลักในโลกนี้จนลืมโลกแห่งความจริง
3. เราต้องทำตามแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้าให้สำเร็จในชีวิตนี้ คืออยู่เพื่อพระคริสต์เหมือนเปาโล ( ฟป 1:19-21) อยู่เพื่อพระคริสต์ชีวิตมีแต่กำไร และมีคุณค่า
เราต้องไม่โอ้อวด ความรู้ ความรวย ความหรู่หรา แต่ควรอวดพระเยซูแทนเหมือนเปาโล (1คร1:31 โดยพระองค์ ท่านจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะพระเจ้าทรงตั้งพระองค์ให้เป็นปัญญาและความชอบธรรมของเรา และเป็นผู้ทรงชำระเราให้บริสุทธิ์ และทรงเป็นผู้ไถ่เราไว้ให้พ้นบาป 31เพื่อให้เป็นไปตามพระคัมภีร์ที่เขียนว่า ให้ผู้โอ้อวด อวดองค์พระผู้เป็นเจ้า
4. เราต้องทำแต่ความดี ทำสิ่งที่ดี ให้สมกับได้เกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิต ให้สมพระเกียรติพระเจ้า
ดังนั้นเมื่อเรารู้ว่าชีวิตเราสั้นและไม่แน่นอนเหมือนหมอกเช่นนี้ เรายังจะแสงหาอะไรและจะเหนื่อยเปล่าเหมือน
ซาโลมอนกล่าวว่า อนิจัง แต่สิ่งที่เราทำในชีวิตนี้เป็นการงานสำหรับพระเจ้าพระองค์ไม่ทรงลืมและไม่สูญเปล่าเลย ( ฮบ 6:10 1คร15:58 ) เหตุฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า ท่านจงตั้งมั่นอยู่ อย่าหวั่นไหว จงปฏิบัติงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า โดยองค์พระผู้เป็นเจ้า การของท่านจะไร้ประโยชน์ก็หามิได้ เพราะว่าพระเจ้าไม่ทรงอธรรม ที่จะทรงลืมการงานซึ่งท่านได้กระทำ เพราะความรักที่ท่านมีต่อพระนามของพระองค์ คือการรับใช้ธรรมิกชนนั้น ดังที่ท่านยังรับใช้อยู่
/// พี่น้องที่รักชีวิตของท่านมีค่ามาก จงให้ทุกวินาทีอันมีค่าของชีวิตถวายให้พระคริสตเจ้าเถิด

2.ชีวิตของเราเหมือนเงา ( โยบ 14:1-2)
มนุษย์ที่เกิดมาโดยผู้หญิงก็อยู่แต่น้อยวัน และเต็มไปด้วยความยุ่งยากใจ 2เขาออกมาเหมือนดอกไม้ แล้วก็เหี่ยวแห้งไป เขาลี้ไปอย่างเงา และไม่อยู่ต่อไปอีก - เป็นความจริงเหมือนคำพูดของโยบ ชีวิตเหมือนเงา เหมือนดอกไม้ที่ไม่นานก็เหี่ยวแห้งไป
ชีวิตเราอยู่แต่เพียงน้อยวัน ไม่มรใครอยู่ได้ค้ำฟ้า และไม่มีใครอยู่ได้เกินโค้วต้าของพระเจ้าที่กำหนด
ดังนั้นเราควรทำอย่างไร จงทำเหมือนโยบ ท่านกล่าวว่า ( โยบ 1:21 ) ท่านว่า “ข้าพเจ้ามาจากครรภ์มารดาของข้าพเจ้าตัวเปล่า และข้าพเจ้าจะกลับไปตัวเปล่า พระเจ้าประทาน และพระเจ้าทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระเจ้า” ชีวิตเหมือนเงาก็เอาอะไรไปไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องปลง เราต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่ เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ โดยการแสวงหาพระเจ้า และฝากธนาคารเวลาแห่งชีวิตไว้กับพระเจ้า ดีที่สุด และมีดอกเบี้ยให้ด้วย คือ มงกุฏแห่งชีวิตในแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้า

3. ชีวิตของเราเหมืนความฝันและการถอนหายใจ ( สดด90:9-10)
วันทั้งปวงของข้าพระองค์ทั้งหลายสิ้นไปใต้พระพิโรธ ของพระองค์ กำหนดปีของข้าพระองค์สิ้นสุดลงอย่างเสียงถอนหายใจ กำหนดปีของข้าพระองค์คือเจ็ดสิบ หรือสุดแต่เรื่องกำลัง ก็ถึงแปดสิบ แต่ช่วงชีวิตนั้นมีแต่งานและความลำบาก ไม่ช้าก็สูญไปและข้าพระองค์ก็จากไป
- ชีวิตเหมือนการถอนหายใจ ก็แค่ อึดเดียว ไม่นาน แค่ลมเป่า เข้าปอด ดังนั้น ชีวิตของเราควรทำอย่างไร
อย่าหลงทิศ อย่าหลงประเด็น เพราะความจริงชีวิตของเราสั้นมากๆ อย่าขนขวายอะไรในโลกไว้เลย แต่จงขนขวาย การรับใช้ การทำให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จในชีวิตของเรา ดีที่สุด ทุกคนมาเหมือนกัน มาเท่ากัน อยู่ในโลกไม่นานเหมือนกัน และสุดท้ายต้องตายและกลายเป็นดินดังเดิม

สรุป....... เวลาของเรามีเท่าไร เหลือเท่าไร และจะทำอะไรดี จงถวายให้กับพระเจ้าเดี๋ยวนี้
/// สิ่งที่เราควรทำเมื่อเรารู้ว่าชีวิตของเราสั้นๆ เหมือนหมอก เหมือนเงา เหมือนถอนหายใจ
1. ถวายชีวิตให้กับพระเจ้าจริงๆ
2. ถวายเกียรติให้กับพระเจ้าในทุกๆสิ่ง ( 1 คร 10:31) เหตุฉะนั้นเมื่อท่านจะรับประทานจะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงกระทำเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
3. ถวายการรับใช้ ตามของประทานที่เรามีอยู่ ที่เราทำได้ ในการเป็นพยาน
4. ถวายเงิน เพราะตายแล้วเราเอาไปไม่ได้ ถวายให้พระเจ้าเพื่องานของพระองค์
5. ถวายเวลาที่มีอยู่ให้พระเจ้า อย่าถวายเศษเวลา คือ เมื่อแก่แล้ว หรือเมื่อป่วยใกล้จะตาย
6. ถวายความรักให้พระเจ้าและพี่น้อง สิ่งเหล่านี้จะยังอยู่ในใจตลอดไป
/// วันนี้เรารู้และต้องยอมรับความจริง ว่าชีวิตของเราสั้นและเราไม่ใช่เป็นเจ้าของ แต่พระเจ้าเป็นเจ้าของ
เพลง 235,230 ชีวิตข้าขอมอบถวาย ,ขอถวายแด่องค์พระเยซู , และเพลงที่เตือนในเราดีที่สุด คือเพลง
321 โลกนี้พระเจ้าประทานเป็นบ้านอาศัยชั่วคราวเมื่อถึงเวลาคราต้องจากไปใครๆไม่พ้นความตาย
/// วันนี้จงสำรวจดูเวลาของเราเหลือเท่าไร ไม่แน่อาจหมดพรุ่งนี้แล้วเราจะเสียใจ พลาดโอกาสทองที่พระเจ้าทรงประทานให้เรา ได้รับใช้ ได้ถวายเกียรติ ได้รับสิ่งดีๆมากมาย จงบริหารเวลาแห่งชีวิตคุณให้ดี

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
พวกเราเป็นกลุ่มคริสตจักรท่มีความเชื่อตามหลักของพระคัมภีร์อย่างเคร่งครัด เราเชื่อว่า เรารอดโดยพระคุณพระเจ้า และเชื่อในตรีเอกานุภาพ และพระคัมภีร์66เล่มเป็นการดลใจจากพระเจ้าและไม่มีความผิดพลาดของต้นฉบับ และพระวจนะของพระเจ้าเป็นแหล่งชีวิตและความจริง เป็นหนังสือท่ช่วยในการดำเนินชีวิตประจำวัน เราเชื่อว่าเมื่อเราเชื่อในพระองค์เราได้รับองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ในทันใดนั้น เพราะทรงประทับตราเรา ( เอเฟซัส 1:13-14)