หลักข้อเชื่อของเรา

หลักข้อเชื่อ
3.1 เกี่ยวกับพระคริสตธรรมคัมภีร์ เชื่อว่าพระคัมภีร์สามารถสอนคนบาปให้ถึงความรอดได้โดย
ความเชื่อในพระเยซูคริสต์ และพระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และอบรมในทางธรรมเพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตาย และทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆแทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณตลอดข้อในกระดูกและไขกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
(2 ทิโมธี 3:15-17, 2 เปโตร 1:21 ;ฮีบรู 4:12)
3.2 เกี่ยวกับพระเจ้า เชื่อว่า มีพระเจ้าองค์เดียวสูงสุด ผู้ทรงพระชนม์อยู่นิจนิรันดร์ผู้ทรงเนรมิตสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก พระเจ้าองค์เดียวนี้มีสามพระภาคคือ พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทั้งสามพระภาคนี้เป็นพระเจ้าองค์เดียว ควรนมัสการพระองค์แต่ผู้เดียว ทั้งสามพระภาคนี้มีอำนาจและพระเกียรติ์เท่าเทียมกันและมีหน้าที่ต่างกันและช่วยกันในงานใหญ่ยิ่งคือ งานไถ่บาป

3.3 เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าและทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ ทรงบังเกิดเป็นเนื้อหนัง โดยเดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านมาเรียหญิงพรหมจารีย์ เพื่อเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์โลก พระองค์ดำรงชีวิตที่หมดจดปราศบาป ทรงสละชีวิตบนไม้กางเขน พระโลหิตหลั่งไหลเพื่อไถ่ความบาปของมนุษย์ เมื่อสิ้นพระชนม์แล้วในวันที่สามก็ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย แล้วปรากฎแก่สาวก หลังจากนั้นสี่สิบวันก็เสด็จขึ้นสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์พระบิดา และเป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ พระองค์จะกลับมารับผู้เชื่อไปอยู่กับพระองค์ พระองค์จะเสด็จมายังโลกนี้อีกเพื่อสถาปนาอาณาจักรของพระองค์และบังลังค์ของดาวิดขึ้น สิ้นสุดโลกนี้พระองค์ จะพิพากษามวลมนุษย์ (ฮีบรู 1:2-3 ; ฟิลิปปี 2:5-11; 1โครินธ์ 15:3-6 ; โรม8:34 ; 1ยอห์น 2:1 ;กิจการ 1:11 ; 1เธสะโลนิกา 4:13-18; วิวรณ์ 20 :1-10 ;วิวรณ์20:11-15)

3.4 เกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เชื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นพระเจ้า มีคุณสมบัติของความเป็นบุคคล ทรงเท่าเทียมกับพระบิดา และพระบุตร มีลักษณะเช่นเดียวกัน
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจให้มนุษย์สำนึกความบาป ทำให้มีใจบังเกิดใหม่ประทับตราไว้ในใจ ทรงสถิตอยู่ภายในผู้เชื่อ เป็นผู้ทรงให้ทั้งความสามารถต่างๆฝ่ายวิญญาณ และฤทธิ์เดชในการรับใช้พระเจ้า การดำเนินชีวิตประจำวัน และการปรนนิบัติผู้อื่น เติมให้เต็ม ทรงเล้าโลมใจ ทรงนำ และสอนให้รู้จักทางแห่งความชอบธรรม 1ยอห์น 16:7-15 ;ทิตัส 3:5;เอเฟซัส 1:13-14;ยอห์น 14:16-17,26;
โรม 12:6-8;กิจการ1:8ฯลฯ

3.5 เกี่ยวกับมนุษย์ เชื่อว่า มนุษย์เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงสร้างตามแบบพระฉายาของพระองค์ มนุษย์ทำบาปโดยฟังคำชักชวนของมารขัดขืนคำสั่งของพระเจ้า อันเป็นเหตุให้บาปครอบงำมนุษย์ทุกคน ฉะนั้นมนุษย์ทุกคนจึงตกอยู่ใต้การพิพากษา
(ปฐมกาล1:26 ; โรม3:23 ; 5:12,18 ; เอเฟซัส2:3 ,2เธสะโลนิกา1:8-9)

3.6 เกี่ยวกับความรอด เชื่อว่าความรอดเป็นของประทานจากพระเจ้า มนุษย์ช่วยตัวเองให้รอดไม่ได้ต้องรับจากพระเจ้าโดยการกลับใจใหม่และวางใจในพระเยซูคริสต์เจ้า(เอเฟซัส 2:8 ยอห์น 3:16)

3.7 เกี่ยวกับคริสตจักร เชื่อว่าคริสตจักรเป็นชุมชนบริสุทธิ์ของพระเจ้า ประกอบด้วยทุกคนที่เป็นคริสเตียนแท้ชุมชนบริสุทธิ์ของพระเจ้าในท้องถิ่นต่างๆ เรียกว่าคริสตจักรท้องถิ่น มีเจ้าหน้าที่ตามพระคัมภีร์คือ
ศิษยาภิบาล และมัคนายก คุณสมบัติและหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตามที่กล่าวไว้ใน 1ทิโมธี 3:1-13 และทิตัส 1:5-9 สำหรับคริสตจักรสากลคือ ผู้เชื่อพระเยซูคริสตจักรทุกสมัยไม่อาจมองเห็นได้ในขณะนี้ พระเยซูคริสตเจ้าเป็นประมุขของคริสตจักร(เอเฟซัส1:22-23)
3.8 เกี่ยวกับสภาพอมตะ เชื่อว่าพระคริสต์ธรรมคัมภีร์สอนว่า ทุกคนที่เป็นชอบธรรมโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์จะได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป และเชื่อว่าผู้ที่ไม่กลับใจและไม่เชื่อไม่ยอมรับของประทานที่พระเจ้าประทานให้ด้วยพระเมตตาจะได้รับโทษอย่างไม่รู้จบสิ้นอยู่ตลอดไป ( ยอห์น14:2-3 ; 1เธสะโลนิกา 4:16-17 ; ดาเนียล 12:2 ;มัทธิว25:46)

3.9 เกี่ยวกับพิธีบัพติศมาและพิธีมหาสนิท เชื่อว่า
พิธีบัพติศมาของคริสเตียน ผู้เชื่อจุ่มกายลงในน้ำเพื่อแสดงให้เห็นเป็นสัญลักษณ์ว่าเราชื่อในการถูกตรึง ถูกฝัง และฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระผู้ช่วยให้รอด ผลคือเราผู้ทำบาป ตายจากบาป และมีชีวิตใหม่ในวันที่รับเชื่อ นั่นคือมีสิทธิเข้าเป็นสมาชิกคริสตจักร
พิธีมหาสนิทเป็นพิธีระลึกถึงความตายของพระเยซูเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาและควรจะทำพิธีนี้อยู่ต่อไปเสมอ ด้วยการสำรวจดูตัวเองอย่างจริงจัง (กิจการ 8:36-39;โรม 6:3-5;1โครินธ์11:2-28)

3.10 เกี่ยวกับมาร เชื่อว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์สอนว่า ผีมารซึ่งเป็น “...เจ้าแห่งย่านอากาศ” ผู้ซี่งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม มันหาทางจะทำลายพระประสงค์ของพระเจ้าอยู่เรื่อย และดักมนุษย์ให้ตกลงสู่บ่วงแร้วของมัน (เอเฟซัส 2:2 ;2โครินธ์ 4:4 ,11:13-15 ;วิวรณ์12:9)