ขอบคุณสำหรับเรือ

ขอบคุณสำหรับเรือ

ลุยช่วยคนที่น้ำท่วม

ลุยช่วยคนที่น้ำท่วม
ระวังเรือล่มนะ

ช่วยเหลือพี่น้องที่น้ำท่วม

ช่วยเหลือพี่น้องที่น้ำท่วม
เราคนไทยไม่ทิ้งกัน

อย่าลืมอธิษฐานเผื่อพี่น้องอาข่านะครับ

อย่าลืมอธิษฐานเผื่อพี่น้องอาข่านะครับ
เราต้องการคำอธิษฐานเผื่อ

ภาพนี้ให้บทเรียนอะไรบ้าง

ภาพนี้ให้บทเรียนอะไรบ้าง
จะปลอบใจ หนุนใจ กันเถิด

หัวเหดหยัง

หัวเหดหยัง
อย่าเว้าเรื่องแฟนอายเผิน

การเลือกคู่ครองที่ถูกต้อง

การเลือกคู่ครองที่ถูกต้อง
อย่าเทียมแอกกับคนไม่เชื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552

ชีวิตที่เลือกได้

เทศนา อ.สมชิต แจ้งไพร
- จุดประสงค์ .......ให้คริสเตียนฉลาดเลือกและมั่นใจในชีวิตหลังความตายจริงๆ
- บทเรียนจากชีวิตของเศรษฐีและลาซารัส ลก.16.19-31
- คำนำ...... ชีวิตของทุกคนเป็นชีวิตที่เลือกได้ แต่มีบางสิ่งที่เลือกไม่ได้
เช่น เกิดเป็นชายหรือหญิง เกิดมาในเชื้อชาติ สีผิว ร่างกาย พ่อแม่ พี่น้อง แต่สิ่งที่เราเลือกได้และกำหนดได้ คือ จะเป็นคนดี ทำความดี เป็นคนฉลาด เก่ง ขยัน จน รวย และหน้าตา หุ่น เสื้อผ้า ตบแต่งได้ และมีบทเรียนจากชีวิตของเศรษฐีและลาซารัส ที่เหมือนกันแต่มีบางสิ่งที่ไม่เหมือนกัน เพราะการเลือกตัดสินใจ เกี่ยวกับ ความเชื่อ การเลือก และการให้ความสำคัญที่แตกต่างกัน
- เรื่อง ....... ชีวิตที่เลือกได้ ( ลก 16.19-31)
/// ชีวิตที่เลือกได้ เป็นชีวิตที่ดีกว่า มั่นคง ปลอดภัย และเลือกเอาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของเราเอง
/// ชีวิตของลาซารัสกับเศรษฐีมีอะไรที่เหมือนกัน และมีอะไรที่ต่างกัน อย่างไร
1. มีชีวิตฝ่ายร่างกายเหมือนกัน ข.22 ปญจ 9.5
- คือ มีความต้องการเหมือนกัน คือ ปัจจัยสี่ อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย อื่นๆ
และเศรษฐี ก็ต้องกินเหมือนกัน หนาวเหมือนกัน เหนื่อยเหมือนกัน ต้องการสุขภาพดีเหมือนกัน
ต้องการความสะดวกสบายและความสุขเหมือนกัน ต้องการความรักเอาใจใส่เหมือนกัน และต้องการ ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเหมือนกัน ( ลาซารัสก็ต้องการเหมือนกัน)
2. มีชีวิตในโลกนี้ชั่วคราวเหมือนกัน ข.22 ปญจ 9.5
- คือ ต้องตายเหมือนกัน ไม่มีใครอยู่ยงคงกระพันธ์ ไม่ว่าคนจนหรือรวย ดีหรือเลว ฉลาดหรือโง่ เด็กหรือผู้ใหญ่ คนอ้วนหรือคนผอม คนผมสีดำหรือ แดง เหลือง ชนชาติไหนๆ ก็ต้องเผชิญกับความตาย ตามที่ท่านซาโลมอน หรือปัญญาจารย์กล่าวไว้ 9.2-5 เคราะห์อันเดียวกันตกแก่คนทั้งปวงเหมือนกันหมด คือตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม ตกแก่คนดี ตกแก่คนสะอาดและคนที่มีมลทิน ตกแก่ผู้ที่ถวายสัตวบูชา และแก่ผู้ที่ไม่ถวายสัตวบูชา ตกแก่คนดีอย่างไร ก็ตกแก่คนบาปอย่างนั้น ตกแก่คนสาบานอย่างไร ก็ตกแก่คนไม่กล้าสาบานอย่างนั้น 3นี่แหละเป็นสิ่งสามานย์ ที่มีอยู่ในบรรดาการที่บังเกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ คือว่ามีเคราะห์อันเดียวกันที่ตกแก่คนทั้งปวง เออ จิตใจของมนุษย์ก็เต็มไปด้วยความชั่วและความบ้าบออยู่ ในใจของเขาเมื่อมีชีวิตและต่อจากนั้น เขาก็ไปอยู่กับคนตาย 4ส่วนคนใดที่มั่วสุมอยู่กับคนที่มีชีวิต คนนั้นก็มีความหวังใจได้ ด้วยว่าสุนัขที่เป็นก็ยังดีกว่าสิงห์ที่ตายแล้ว 5เพราะว่าคนเป็นย่อมรู้ว่าเขาเองคงจะตาย แต่คนตายแล้วก็ไม่รู้อะไรเลย เขาหาได้รับรางวัลอีกไม่ ด้วยว่าใครๆก็พากันลืมเขาเสียหมด
( 2:16) ข้าพเจ้าจึงรำพึงว่า “เคราะห์กรรมอันใดเกิดแก่คนเขลาฉันใด ก็คงจะเกิดกับตัวข้าพเจ้าฉันนั้น ถ้ากระนั้นแล้วข้าพเจ้าจะมีสติปัญญามากมายทำไมเล่า” ข้าพเจ้าจึงรำพึงว่าเรื่องนี้ก็อนิจจังเหมือนกัน 16เพราะไม่มีใครระลึกถึงคนมีสติปัญญาเช่น เดียวกับคนเขลา ด้วยเห็นว่าในอนาคตก็ลืมกันไปหมดแล้ว พุทโธ่ คนมีสติปัญญาก็ตายเหมือนคนเขลา
- คือ ทุกคนต้องตายเพราะ สังขาร หรือ เพราะบาป เนื่องจากการไม่เชื่อฟังของมนุษย์คู่แรก
คืออาดัมและเอวา ( ปฐมกาล 2:15-17 ) พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและรักษาสวน 16พระเจ้าจึงทรงบัญชาแก่มนุษย์นั้นว่า “บรรดาผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ทั้งหมด 17เว้นแต่ต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่ว ผลของต้นไม้นั้นอย่ากิน เพราะในวันใดที่เจ้าขืนกิน เจ้าจะต้องตายแน่” ( โรม 5:12 )เหตุฉะนั้น เช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆเดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป ( โรม 3.23 ) เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า ( ปัญญาจารย์ 7:20)แน่ทีเดียวไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลก ที่ได้ประพฤติล้วนแต่ความดี และไม่กระทำบาปเลย
( โรม 6:23)เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

/// ชีวิตของเศรษฐีและลาซารัสต้องเผชิญชะตากรรมเหมือนกัน คือ มีความต้องการปัจจัยของชีวิตเหมือนกัน
และต้องประสบกับความตายเหมือนกันเพราะเป็นคนบาป จากอาดัมและเอวาเป็นธรรมชาติบาป และแม้
เขาทั้งสองก็ต้องการ ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตเหมือนกัน ต้องการความสุขเหมือนกัน แต่ความสุขแท้
อยู่กับคนที่ คิดได้ คิดเป็น และ เข้าใจสัจจะธรรมของชีวิต ( แม้ชีวิตของเศรษฐีจะดูเหมือนต่างกันราวฟ้ากับดิน ) แต่คนที่ฉลาดเลือก และยอมรับในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ และเป็นอยู่ก็จะพบความสุขได้เช่นกัน
เช่น ตัวอย่างเรื่องพระราชาที่ต้องการความสุข กับชายยากจน มีพระราชาองค์หนึ่งที่แสวงหาความสุขและไม่พบ จึงไปถามชายผู้รอบรู้คนหนึ่งจึงบอกว่าต้องไปหาเสื้อแห่งความสุขให้เจอและเอามาสวมใส่จึงจะมีความสุขได้ และทหารก็ออกตามหาเสื้อแห่งความสุขวันแล้ววันเล่าปีแล้วปีเล่าก็ไม่พบ จนอยู่มาวันหนึ่งก็ได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งพูดออกมาจากกระท่อมล้างเก่าๆทรุดโทรม จึงรีบพังเข้าไปก็พบชายคนนั้นนอนอยู่และป่วยเกือบจะตายแต่ยังมีความสุขกับชีวิตได้
/// และชีวิตของเศรษฐีและลาซารัส อาจมีมุมแห่งความสุขไม่เหมือนกัน และ แนวทางก็ต่างกัน
เช่น เศรษฐีอาจบ่นว่าพรุ่งนี้จะกินอาหารอะไรดีเพราะมีมากจนเลือกไม่ถูก แต่ลาซารัสก็คงจะคิดว่าพรุ่งนี้จะกินอะไรเพราะไม่มีอะไรให้เลือกและให้กิน และเศรษฐีก็จะคิดว่าพรุ่งนี้จะใส่เสื้อสีอะไรแบบไหน แต่สำหรับลาซารัสก็คงคิดว่าพรุ่งนี้จะหาเสื้อที่ไหนใส่เพื่อความอบอุ่นของร่างกาย
/// พี่น้องที่รักบทเรียนจากชีวิตของเศรษฐีและลาซารัสให้ข้อคิดและเตือนสติอะไรบ้าง เรากำลังมีชีวิตเหมือนเศรษฐี หรือต้องเป้าและใฝ่ฝันร่ำรวยเหมือนเศรษฐี หรือ คิดเหมือนเปาโล พอใจในสิ่งที่พระเจ้าทรงให้
( ฟีลิปปี 4:11-13 ) ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน เพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น 12ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะเผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุข และความขัดสน 13ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
( ฟีลิปปี 3: 7-8)แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้ว เพื่อเห็นแก่พระคริสต์ 8ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์ 9
/// จงคิดได้ คิดเป็น และเข้าใจสัจจะธรรมของชีวิต คือ เรามีร่างกายเหมือนกัน และเราต้องเผชิญความตายเหมือนกัน และขอให้รู้ว่า ชีวิตของเรามีค่ามากในสายพระเนตรของพระเจ้า ไม่ว่าจะยากดีมีใจ เช่น พระเยซูทรงสอนเรื่องแกะหายหนึ่งตัวและละแกะเก้าสิบเก้าไปหาแกะเพียงตัวเดียว คนเดียวมีค่ายิ่งกว่าโลกนี้ทั้งใบ
/// ท่านปัญญาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า ชีวิตควรฉลาดเลือก และเข้าใจสัจจะธรรมชีวิต และให้คิดถึงชีวิตสำคัญมาก ( ปญจ. 7:1-5 ) ชื่อเสียงดีก็ประเสริฐกว่าน้ำมันหอมอย่าง วิเศษ และวันตายก็ดีกว่าวันเกิด 2ไปยังเรือนที่มีการไว้ทุกข์ ก็ดีกว่าไปยังเรือนที่มีการเลี้ยงกัน เพราะนั่นเป็นวาระสุดท้ายของมนุษย์ทั้งปวง และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จะเอาเหตุการณ์นั้นใส่ไว้ในใจ 3ความโศกเศร้าก็ดีกว่าการหัวเราะ เพราะความโศกเศร้าในใบหน้า ทำให้จิตใจยินดี 4จิตใจของคนที่มีสติปัญญา ย่อมอยู่ในเรือนที่มีความโศกเศร้า แต่จิตใจของคนเขลา ย่อมอยู่ในเรือนที่มีการสนุกสนาน 5ฟังคำตำหนิของคนที่มีสติปัญญา ยังดีกว่าฟังเพลงของคนเขลา

3. มีชีวิตหลังความตายเหมือนกัน หรือ มีชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณเหมือนกัน
- คือ ต้องเผชิญกับชีวิตหลังตายเหมือนกัน ไม่ใช่ดับสูญ หรือ ไม่มีชีวิตฝ่ายวิญญาณ
ตามความเชื่อของบางศาสนา และ วิทยาศาสตร์ไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย
- คือ ไม่มีโอกาสกลับมาเวียนว่ายตายเกิด อีก ( ฮบ 9:27 )
มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด
- ต้องการความรอดเหมือนกัน
- ต้องการพระผู้ช่วยให้รอดเหมือนกัน
/// สิ่งทีต่างกันของเศรษฐีกับลาซารัส คือ ความรอด นรก สวรรค์ ทรมาน มีความสุข
/// สิ่งที่เกิดขึ้นกับเศรษฐีและลาซารัสเป็นผลจากความเชื่อ และการเลือก การตัดสินใจ
เศรษฐี เลือกอะไร เชื่ออะไร เชื่ออย่างไร ลาซารัส เลือกอะไร เชื่ออะไร เชื่ออย่างไร
1. เชื่อในพระเจ้าตามพ่อแม่บรรพบุรุษ 1. เชื่อเป็นส่วนตัวไม่ได้ตามใคร
2. ถือว่าตนเองเป็นลูกหลานอับราฮัม 2. ถือว่าตนเองเป็นลูกหลานอับราฮัม
3. เชื่อพระเจ้าเป็นเพียงศาสนา 3. เชื่อพระเจ้าเป็นบุคคล
4. ไม่เชื่อ ไม่ยอมรับพระเยซูเป็นพระผู้ไถ่ 4.เชื่อพระเยซูเป็นพระเจ้าพระผู้ไถ่
5. เชื่อในพระเจ้าแต่ไม่เชื่อพระเยซู 5. เชื่อในพระเจ้าและพระเยซูเป็นอันเดียวกัน
6. เชื่อ แต่ไม่รับเชื่อ 6. เชื่อและรับเชื่อ
/// การเลือก /// การเลือก
- เลือกชีวิตนี้ ไม่สนใจโลกหน้า - เลือกโลกหน้าและเตรียมตั้งแต่ชีวิตนี้
/// เบื้องหลังของทั้งสอง
เชื่อในพระเจ้า เป็นคนยิว เป็นลูกหลานอับราฮัม เชื่อพระคัมภีร์ รู้จักโมเสส และผู้เผยพระวจนะ เหมือนกัน
และแน่นอนพระเจ้าทรงหยิบยื่นโอกาสให้เหมือนกัน ที่จะได้รู้ ได้ยิน ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซู แต่ขึ้นอยู่กับ การเลือกและการตัดสินใจ และความเชื่อส่วนบุคคล เพราะพระเจ้าต้องหารให้ทุกคนรอด ( ปญจ.9:11)ข้าพเจ้าได้เห็นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกว่า คนเร็วไม่ชนะในการวิ่งแข่งเสมอไป หรือฝ่ายมีกำลังไม่ชนะสงครามเสมอไป หรือคนฉลาดไม่รับประทานเสมอไป หรือคนมีความเข้าใจไม่ร่ำรวยเสมอไป หรือผู้ที่เชี่ยวชาญไม่ได้รับความโปรดปรานเสมอไป แต่วาระและโอกาสมีมาถึงเขาทุกคน
( 2ปต3:9) องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่
/// บทเรียนจากชีวิตของเศรษฐีและลาซารัส เป็นภาพของเราเองในอนาคตที่เราเลือกได้ เตรียมได้
ทำไมเศรษฐีจึงไม่ได้รับความรอด เพราะขึ้นอยู่กับความเชื่อการกลับใจบังเกิดใหม่ของเขา
เช่น มีชาวยิวมากมายที่คิดว่าตนเองไม่ต้องกลับใจบังเกิดใหม่ เหมือน นิโคเดมัส ( ยน 3: 3-5) พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่(หรือ จากเบื้องบน) ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้” 4นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า “คนชราแล้วจะบังเกิดใหม่อย่างไรได้ จะเข้าในครรภ์มารดาครั้งที่สองและบังเกิดใหม่ได้หรือ” 5พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ 6ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ คือ การเกิดจากพ่อแม่ เชื้อชาติ ไม่เกี่ยวกับฝ่ายวิญญาณ

และชาวยิวมักมีความคิดว่าตนเองไม่ใช่คนบาป เพราะคนบาปคือพวกต่างชาติและคนพิกาล ( ยน. 9: 1-3)
เมื่อพระองค์เสด็จดำเนินไปนั้น ทรงเห็นชายคนหนึ่งตาบอดแต่กำเนิด 2และพวกสาวกของพระองค์ทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ใครได้ทำผิดบาป ชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด” 3พระเยซูตรัสตอบว่า “มิใช่ว่าชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขาได้ทำบาป แต่เขาเกิดมาตาบอด เพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา และบางครังพวกฟารีสีก็ไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาป
( ยน.9: 39-41)พระเยซูตรัสว่า “เราเข้ามาในโลกเพื่อแก่การพิพากษา เพื่อให้คนทั้งหลายที่มองไม่เห็นกลับมองเห็น และคนที่มองเห็นกลับตาบอด” 40เมื่อพวกฟาริสีที่อยู่ใกล้พระองค์ได้ยินอย่างนั้น จึงกล่าวแก่พระองค์ว่า “เราตาบอดด้วยหรือ” 41พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ถ้าพวกท่านตาบอดพวกท่านก็จะไม่มีความผิดบาป แต่บัดนี้ท่านพูดว่า 'เรามองเห็น' เหตุฉะนั้นความผิดบาปของท่านจึงยังมีอยู่
และชาวยิวและคนรวยมักคิดว่าตนเอง เป็นคนดี ทำดี ทำทานเยอะจึงทำให้ได้ความรอด เช่นท่านเศรษฐีหนุ่มคนหนึ่ง (มธ.19:16 ) ดูเถิด มีคนหนึ่งมาทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำดีประการใด จึงจะได้ชีวิตนิรันดร์ และการถวายมากเหมือนกับว่าได้บุญหรือความชอบมาก ( มก.12:41-44) พระเยซูได้เสด็จประทับตรงหน้าตู้เก็บเงินถวาย ทรงสังเกตประชาชนเอาเงินมาใส่ไว้ในตู้นั้น และคนมั่งมีหลายคนเอาเงินมากมาใส่ในที่นั้น 42มีหญิงม่ายคนหนึ่งเป็นคนจนเอาเหรียญทองแดงสองอัน มีค่าประมาณสลึงหนึ่งมาใส่ไว้ 43พระองค์จึงทรงเรียกเหล่าสาวกมาตรัสแก่เขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายจนคนนี้ได้ใส่ไว้ในตู้เก็บเงินถวายมากกว่าคนทั้งปวงที่ใส่ไว้นั้น 44เพราะว่าคนทั้งปวงนั้นได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่ไว้ แต่ผู้หญิงนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด” ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้หลายคนไม่ได้รับความรอดเพราเข้าใจผิด เช่น ยิวบางคนอวดอ้างว่าตนเองเป็นลูกหลานของอับราฮัม จึงได้สิทธิพิเศษและรวมทั้งการเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ด้วย ( ลก.3:7-9) ยอห์นจึงกล่าวแก่ประชาชนที่ออกมารับบัพติศมา(พิธีชำระ ใช้น้ำเป็นสัญลักษณ์ เล็งถึงการที่พระเจ้าทรงให้อภัยคนบาป) จากท่านว่า “เจ้าชาติงูร้าย ใครได้เตือนเจ้าให้หนีจากพระอาชญาซึ่งจะมาถึงนั้น 8เหตุฉะนั้น จงพิสูจน์การกลับใจของเจ้าด้วยผลที่เกิดขึ้น อย่านึกเหมาเอาในใจว่าตัวมีอับราฮัมเป็นบิดา เพราะเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า พระเจ้าทรงฤทธิ์อาจจะให้บุตรเกิดขึ้นกับอับราฮัม จากก้อนหินเหล่านี้ได้ 9บัดนี้ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว และทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะต้องตัดทิ้งแล้วโยนทิ้งในกองไฟ”
ดังนั้นจึงเป็นกับดักที่มารซาตานใช้ได้ผลเป็นอย่างดี และที่สำคัญที่สุดที่พวกยิวอวดอ้างมาก คือ การประพฤติตามบัญญัติสิบประการของโมเสสและพิธีเข้าสุหนัต ( กิจการ 15:1) มีบางคนลงมาจากแคว้นยูเดียได้สั่งสอนพวกพี่น้องว่า ถ้าไม่เข้าสุหนัตตามจารีตของโมเสส จะรอดไม่ได้ แต่เปโตรบอกอย่างชัดเจนว่าเรารอดได้โดยพระคุณเหมือนกัน ( กจ.15:8-11)
6ฝ่ายอัครทูตกับผู้ปกครองทั้งหลายจึงได้ประชุมปรึกษากันในเรื่องนั้น 7เมื่อโต้แย้งกันมากแล้ว เปโตรจึงยืนขึ้นกล่าวว่า “พี่น้องเอ๋ย ท่านทั้งหลายทราบอยู่ว่า เมื่อแรกเริ่มนั้น พระเจ้าได้ทรงเลือกข้าพเจ้าเองจากพวกท่านทั้งหลาย ให้เป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐให้คนต่างชาติฟังและเชื่อ 8พระเจ้าผู้ทรงทราบจิตใจมนุษย์ได้ทรงรับรองคนต่างชาติ และทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ แก่เขาเหมือนได้ทรงประทานแก่พวกเรา 9พระองค์ไม่ทรงถือเราถือเขา แต่ทรงชำระใจเขาให้บริสุทธิ์โดยความเชื่อ 10ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านทั้งหลายจึงทดลองพระเจ้า โดยวางแอกบนคอของพวกสาวก ซึ่งบรรพบุรุษของเรา หรือตัวเราเองก็ดีแบกไม่ไหว 11แต่เราเชื่อว่า เราเองก็รอดโดยพระคุณของพระเยซูคริสตเจ้าเหมือนอย่างเขา”


สุดท้ายเราได้เห็นบทเรียนที่สำคัญเกี่ยวกับความรอดของเราเองเป็นส่วนตัว เราเลือกได้ กำหนดได้
โดยเห็นภาพชีวิตของลาซารัส กับเศรษฐี ที่คนหนึ่งเชื่อ คนหนึ่งไม่เชื่อ คนหนึ่งเชื่อ แต่คนหนึ่งไม่รับเชื่อ
คนหนึ่งให้ความสำคัญมากกับชีวิตหลังความตายและความรอด แต่อีกคนหนึ่ง ไม่สนใจใยดี
แต่สุดท้าย เราหนีสัจจะธรรมความจริงไม่ได้ หนีไม่พ้น คือ มีชีวิตหลังความตาย และมีการพิพากษาเกิดขึ้นจริง และ นรกมีจริง สวรรค์มีจริง และหมดโอกาส ไม่มีโอกาส อีกแล้ว
/// แต่เราเห็นท่านเศรษฐีนั้น คิดถึงคนที่ยังอยู่จึงยากขอโอกาส เพราะ คนที่รวยและคนที่คิดว่าตนเองทำดีพอสมควรแล้ว เป็นคนที่เชื่อยาก กลับใจยาก ไม่สนใจชีวิตหลังตาย เลยอ้อนวอนขอให้ลาซารัสเป็นขึ้นจากความตายไปบอก พวกญาติพี่น้องคงต้องกลับใจเชื่อเป็นแน่แท้ แต่อับราฮัมตอบว่า เขามีโมเสสและผู้เผยพระวจนะอยู่แล้ว ถ้าเขาจะเชื่อก็เชื่อถ้าเขาไม่เชื่อยังไงก็ไม่เชื่อ คือ พระเจ้าไม่บังคับให้เชื่อ และถ้าเราจะดู แม้ราซารัสน้องชายของนางมารีย์ฟื้นจากความตายเขาก็ไม่เชื่อ แม้พระเยซูฟื้นจากความตายเขาก็ไม่เชื่อ

/// ท่านเศรษฐีหนุ่ม เป็นคนคนที่ตนเองรักเมื่อหมดโอกาส แต่ เราทุกคนยังมีโอกาสบอกเขา ด้วยปาก ด้วยตัวของเราเอง จึงทำ จงรีบ จงอย่าชะล่าใจ จงอย่าละเลย จงอย่าอ่อนระอาใจ จงอย่าท้อถอยแม้เขายังไม่เชื่อ

/// วันนี้สำหรับคนที่ยังไม่เชื่อ ยังไม่รอด ยังไม่แน่ใจ ยังไม่มั่นใจในความรอด ต้องมั่นใจเดี๋ยวนี้

สรุป.........บทเรียนจากชีวิตของเศรษฐีกับลาซารัส ไม่ใช่การขู่หรือเขียนเสือให้วัวกลัว
พระเยซูเป็นพระเจ้า ทรงตรัสเอง ไม่โกหก เพราะพระเจ้าโกหกไม่ได้ จงเลือกให้เป็น เลือกให้ถูก
/// ถ้าไม่มีพระเจ้าจริงๆ ก็ไม่เสียหาย เสมอกัน แต่ถ้ามี และมีจริงๆ คนเสียเปรียบ คือ เศรษฐี

1. เรามีชีวิตฝ่ายร่างกายเหมือนกัน
2. เราต้องพบกับความตายเหมือนกัน
3. เราต้องพบกับชีวิตหลังตายเหมือนกัน
//// แต่ผลของความเชื่อการเลือกและตัดสินใจของเราวันนี้ จะเป็นตัวกำหนด
ข้าพเจ้าหวังว่า ท่านจะเลือกเป็น และ กล้าที่จะเลือก และ ท่านจะขอบคุณที่ได้ตัดสินใจเลือกพระเยซู

ไม่มีความคิดเห็น:

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
พวกเราเป็นกลุ่มคริสตจักรท่มีความเชื่อตามหลักของพระคัมภีร์อย่างเคร่งครัด เราเชื่อว่า เรารอดโดยพระคุณพระเจ้า และเชื่อในตรีเอกานุภาพ และพระคัมภีร์66เล่มเป็นการดลใจจากพระเจ้าและไม่มีความผิดพลาดของต้นฉบับ และพระวจนะของพระเจ้าเป็นแหล่งชีวิตและความจริง เป็นหนังสือท่ช่วยในการดำเนินชีวิตประจำวัน เราเชื่อว่าเมื่อเราเชื่อในพระองค์เราได้รับองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ในทันใดนั้น เพราะทรงประทับตราเรา ( เอเฟซัส 1:13-14)