ขอบคุณสำหรับเรือ

ขอบคุณสำหรับเรือ

ลุยช่วยคนที่น้ำท่วม

ลุยช่วยคนที่น้ำท่วม
ระวังเรือล่มนะ

ช่วยเหลือพี่น้องที่น้ำท่วม

ช่วยเหลือพี่น้องที่น้ำท่วม
เราคนไทยไม่ทิ้งกัน

อย่าลืมอธิษฐานเผื่อพี่น้องอาข่านะครับ

อย่าลืมอธิษฐานเผื่อพี่น้องอาข่านะครับ
เราต้องการคำอธิษฐานเผื่อ

ภาพนี้ให้บทเรียนอะไรบ้าง

ภาพนี้ให้บทเรียนอะไรบ้าง
จะปลอบใจ หนุนใจ กันเถิด

หัวเหดหยัง

หัวเหดหยัง
อย่าเว้าเรื่องแฟนอายเผิน

การเลือกคู่ครองที่ถูกต้อง

การเลือกคู่ครองที่ถูกต้อง
อย่าเทียมแอกกับคนไม่เชื่อ

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เรื่องซาตานที่เราต้องรู้




Satan's Meeting งานประชุมของซาตาน (จงอ่านแม้ว่าคุณจะยุ่ง)


งานประชุมของซาตาน (จงอ่านแม้ว่าคุณจะยุ่ง)

ซาตานเรียกเหล่ามารเข้าประชุมระดับโลก ในพิธีเปิด มันกล่าวว่าเราหยุดคริสเตียนจากการไปโบสถ์ไม่ได้” “เราหยุดพวกเขาจากการอ่านพระคัมภีร์และรู้จักความจริงไม่ได้” “เราหยุดพวกเขาจากการสนิทสนมกับองค์ผู้ช่วยให้รอดของพวกเขาไม่ได้" "เมื่อพวกเขารักษาความสัมพันธ์นั้นกับพระเยซูไว้ได้ อำนาจของพวกเราที่มีเหนือเขาก็ถูกทำลายลง"
" ดังนั้น จงปล่อยให้พวกเขาไปโบสถ์ ปล่อยให้พวกเขาทานมื้อค่ำด้วยกัน แต่จงขโมยเวลาของพวกเขา พวกเขาจะได้ไม่มีเวลาพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์" "นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการให้พวกเจ้าทำ" ซาตานกล่าว
" จงหันเหความสนใจของพวกเขาจากการมีความสนิทสนมกับองค์ผู้ช่วยให้รอด และจากการรักษาความสัมพันธ์อันสำคัญนั้นไว้ได้ตลอดวันเวลาของพวกเขา!" "เราจะใช้วิธีไหนล่ะ?" เหล่ามารตะโกนถาม
"จงทำให้พวกเขายุ่งในเรื่องของชีวิตอันหาสาระไม่ได้อยู่ตลอด จงออกอุบายนับไม่ถ้วนเพื่อยึดพื้นที่ความคิดของพวกเขาไว้" ซาตานตอบ
"จงล่อลวงพวกเขาให้ใช้จ่ายเงิน จ่าย จ่าย จ่ายและหยิบยืม ยืม ยืม"
" จงโน้มน้าวบรรดาภรรยาให้ออกไปทำงานหามรุ่งหามค่ำ ส่วนสามีทำงานหกเจ็ดวันต่อสัปดาห์ วันละสิบ สิบสองชั่วโมง เพื่อพวกเขาจะมีเพียงพอสำหรับวิถีชีวิตอันว่างเปล่า"
" จงดึงพวกเขาจากการใช้เวลากับลูก" "เมื่อครอบครัวแยกกระจัดกระจาย ไม่ช้าบ้านของพวกเขาจะไม่ใช่สถานที่หลบภัยจากความกดดันของงานอีกต่อไป!"
" จงกระตุ้นความคิดของพวกเขาให้ทำงานไม่หยุด จนพวกเขาไม่สามารถได้ยินเสียงเบาๆ เสียงนั้น" "จงล่อพวกเขาให้เปิดวิทยุหรือเครื่องเล่นเทปเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาขับรถ" "จง ทำให้ทีวี วีซีอาร์ ซีดีต่างๆ และเครื่องคอมพิวเตอร์เปิดอยู่ตลอดในบ้านของพวกเขา จงจัดการให้ทุกร้านค้า ทุกภัตตาคารในโลก เล่นดนตรีที่ไม่ถูกต้องตามพระคัมภีร์ตลอดเวลา" "สิ่งนี้จะอัดแน่นอยู่ในความคิดของพวกเขาและทำลายความสัมพันธ์สนิทนั้นที่ พวกเขามีกับพระคริสต์"
" จงทำให้โต๊ะกาแฟเต็มไปด้วยนิตยสารและหนังสือพิมพ์" "จงกระหน่ำความคิดของพวกเขาด้วยข่าวตลอด 24 ชั่วโมง" "จงบุกรุกเวลาของพวกเขาขณะขับขี่ยวดยานด้วยป้ายโฆษณาต่างๆ" "จง ทำให้ตู้รับจดหมายของพวกเขาแน่นไปด้วยจดหมายขยะ, แค็ตตาล็อกรายการสั่งสินค้า, ชิงโชค, จดหมายข่าวสาร, สินค้าบริการ, โปรโมชั่น, การแจกฟรีและข้อเสนอความหวังลมๆ แล้งๆ ทุกรูปแบบ"
" จงทำให้นางแบบสวยหุ่นบางขึ้นปกนิตยสารและออกทีวี เพื่อเหล่าสามีจะเชื่อว่าความงามภายนอกนั้นเป็นสิ่งสำคัญ และพวกเขาจะเริ่มไม่พอใจภรรยาของตน" "จงทำให้เหล่าภรรยาเหนื่อยอ่อนเกินกว่าที่จะแสดงความรักต่อสามียามค่ำคืน" "จงทำให้พวกเธอปวดหัวด้วย!" "ถ้าพวกเธอไม่ให้ความรักที่สามีต้องการ พวกเขาจะเริ่มมองหาจากแหล่งอื่น" "นี่จะทำให้ครอบครัวแตกแยกกันได้เร็วขึ้น!"
"จงให้ซานตาคลอสดึงความสนใจของพวกเขาออกจากการสอนลูกหลานเรื่องความหมายที่ แท้จริงของคริสตมาส" "จงให้กระต่ายอีสเตอร์แก่พวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้ไม่พูดเกี่ยวกับการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์และฤทธิ์ เดชเหนือบาปและความตาย"
" แม้กระทั่งในเวลาพักผ่อนของพวกเขา จงทำให้พวกเขาทำมากเกินพอดี" "จงทำให้พวกเขากลับจากการพักผ่อนอย่างเหนื่อยอ่อนแรง" "จงทำให้พวกเขายุ่งเกินกว่าที่จะออกไปเห็นธรรมชาติและคิดถึงการทรงสร้างของ พระเจ้า" "จงส่งพวกเขาไปสวนสนุก, งานกีฬา, โรงละคร, คอนเสิร์ตและโรงหนังแทน" "จงทำให้พวกเขายุ่ง ยุ่ง ยุ่ง ไม่หยุดหย่อน!"
"เวลาพวกเขาพบกันเพื่อสามัคคีธรรมฝ่ายวิญญาณ จงทำให้มีการซุบซิบ การพูดไร้สาระเพื่อพวกเขาจะกลับไปด้วยจิตสำนึกที่เป็นทุกข์"
"จงจับกุมชีวิตของพวกเขาด้วยสิ่งดีจำนวนมากจนพวกเขาไม่มีเวลาที่จะเสาะหา ฤทธิ์เดชจากพระเยซู" "ในไม่ช้าพวกเขาจะเริ่มทำสิ่งต่างๆ ด้วยเรี่ยวแรงกำลังของตนเอง สังเวยสุขภาพและครอบครัวเพื่อเหตุที่ดี" "มันจะได้ผล!" "มันจะได้ผล!"
ช่าง วางแผนอะไรได้ขนาดนี้! เหล่ามารต่างกระตือรือร้นออกไปทำหน้าที่ของตนคือการทำให้คริสเตียนในทุกที่ ยุ่งมากขึ้นกว่าเดิม เร่งรีบมากขึ้นกว่าเดิม ไปที่โน่นไปที่นี่ มีเวลากับพระเจ้าและกับครอบครัวของพวกเขาน้อยลง ไม่มีเวลาบอกคนอื่นถึงฤทธิ์อำนาจของพระเยซูที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้
คำถามคือมารทำสำเร็จตามอุบายของมันหรือไม่?
คุณเองเป็นผู้ตัดสิน

คำว่า "busy" (ยุ่ง) แปลว่า
B-eing อยู่
U-nder ใต้
S-atan's แอก
Y-oke? ซาตาน
ใช่หรือไม่

Satan's meeting (read even if you're busy)

Satan called a worldwide convention of demons. In his opening address he said, "We can't keep Christians from going to church." "We can't keep them from reading their Bibles and knowing the truth." "We can't even keep them from forming an intimate relationship with their savior." "Once they gain that connection with Jesus, our power over them is broken."

"So let them go to their churches; let them have their covered dish dinners, but steal their time, so they don't have time to develop a relationship with Jesus Christ." "This is what I want you to do", said the devil:
"Distract them from gaining hold of their Savior and maintaining that vital connection throughout their day!" "How shall we do this?" his demons shouted.
"Keep them busy in the nonessentials of life and invent innumerable schemes to occupy their minds," he answered.
"Tempt them to spend, spend, spend, and borrow, borrow, borrow."
"Persuade the wives to go to work for long hours and the husbands to work 6-7 days each week, 10-12 hours a day, so they can afford their empty lifestyles."
"Keep them from spending time with their children." "As their families fragment, soon, their homes will offer no escape from the pressures of work!"
"Over-stimulate their minds so that they cannot hear that still, small voice." "Entice them to play the radio or cassette player whenever they drive." "To keep the TV, VCR, CDs and their PCs going constantly in their home and see to it that every store and restaurant in the world plays non-biblical
music constantly." "This will jam their minds and break that union with Christ."
"Fill the coffee tables with magazines and newspapers." "Pound their minds with the news 24 hours a day." "Invade their driving moments with billboards." "Flood their mail boxes with junk mail, mail order catalogs,
sweepstakes, and every kind of newsletter and promotional offering free products , services and false hopes."
"Keep skinny, beautiful models on the magazines and TV so their husbands will believe that outward beauty is what's important, and they'll become dissatisfied with their wives." "Keep the wives too tired to love their husbands at night." "Give them headaches too!" "If they don't give their
husbands the love they need, they will begin to look elsewhere." "That will
fragment their families quickly!"
"Give them Santa Claus to distract them from teaching their children the real meaning of Christmas." "Give them an Easter bunny so they won't talk about his resurrection and power over sin and death."
"Even in their recreation, let them be excessive." "Have them return from their recreation exhausted." "Keep them too busy to go out in nature and reflect on God's creation." "Send them to amusement parks, sporting events, plays, concerts, and movies instead." "Keep them busy, busy, busy!"
"And when they meet for spi ritual fellowship, involve them in gossip and small talk so that they leave with troubled consciences."
"Crowd their lives with so many good causes they have no time to seek power from Jesus." "Soon they will be working in their own strength, sacrificing their health and family for the good of the cause." "It will work!"
"It will work!"
It was quite a plan! The demons went eagerly to their assignments causing Christians everywhere to get more busy and more rushed, going here and there. Having little time for their God or their families. Having no time to tell others about the power of Jesus to change lives.
I guess the question is, has the devil been successful at his scheme?
You be the judge! Does "busy" mean:
B-eing
U-nder
S-atan's
Y-oke?
เมื่อเราสังเกตดูอำนาจและกิจการของซาตานในปัจจุบัน  เราจะพบว่า  มันมีอำนาจเหนือพรรคพวกของมัน
ในมัทธิว 12:24 บันทึกว่า  มันเป็นนายผี  และในยอห์น 5:19  บอกว่า  มันมีอำนาจเหนือโลกปัจจุบัน  มันอยู่ในย่านอากาศ (เอเฟซัส 6)
เช่น  เมื่อเราไปเทศนาหรือประกาศเรื่องพระเยซู  ถึงแม้ว่าเราใช้คำเทศนาเดียวกัน  แต่ไปพูดในที่ต่าง ๆ กัน  บางแห่งจะไม่พบปฏิกิริยาต่อต้านอะไรเลย  แต่บางแห่งเรากลับพบปฏิกิริยาต่อต้านที่ร้ายกาจมาก  เหตุผลก็เพราะว่าคำเทศนานั้น ไปถูกจุดของเจ้าแห่งย่านอากาศผู้ครอบครองในย่านอากาศ ในสถานที่นั้น ๆ เข้า  จึงเกิดปฏิกิริยาต่อต้านทันที
ถ้าคุณอยากจะรู้ว่าคนนั้นถูกผีเข้า หรือไม่ใช่ผีเข้านั้น  ก็ให้คุณเทศนาถึงเรื่องฤทธิ์อำนาจของพระโลหิตพระเยซูคริสต์สิ  ขณะที่เทศนาถึงเรื่องนี้  ถ้าเป็นผีเข้า  มันจะทนไม่ได้  จะต้องสำแดงอาการออกมาทันที
ฉะนั้น  พระคัมภีร์จึงอธิบายว่า  กิจการของวิญญาณชั่ว หรือ ซาตานนี้  อยู่ในย่านอากาศ
ใน 1เปโตร 5:8 กล่าวว่า 
"ท่านทั้งหลายจงสงบใจระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมาร วนเวียนอยู่รอบ ๆ ดุจสิงห์คำราม  เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้" (1เปโตร 5:8)
ซาตานชอบปลอมตัวเป็นนักศาสนา (2โครินธ์ 11)  ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนในเรื่องนี้ ก็คือ  ลัทธิมรณะ  เราคงจำกันได้ว่า จิมโจน ผู้ตั้งตัวเป็นผู้นำศาสนาทำตัวเหมือนผู้วิเศษ  เหมือนพระเจ้า  แต่ผลสุดท้าย  เข้าได้ฆ่าคนนับร้อย ๆ ด้วยยาพิษ 
นี่คือการงานของซาตาน  และมันเป็นต้นกำเนิดของคำสอนเท็จ  มันบิดเบือนความจริงของพระเจ้า
ใน 1ทิโมธี 4:1-3 และ 2เปโตร 2   อธิบายว่า  มันมาในรูปการสอนเท็จ  มันมักจะบิดเบือนความจริง และมักหักเหคนของพระเจ้าให้สอนพระวจนะของพระเจ้าในทางที่ผิด  มันเข้าหาผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์
"พระวิญญาณได้ตรัสไว้อย่างชัดแจ้งว่า ต่อไปภายหน้าจะมีบางคนละทิ้งความเชื่อ โดยหันไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวง และฟังคำสอนของพวกผีปีศาจ  ซึ่งมาจากการหน้าซื่อใจคดของคนที่โกหก คือคนที่จิตสำนึกเป็นทาสของมาร  เขาห้ามไม่ให้ทำการสมรส ห้ามบริโภคอาหารบางชนิดซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ให้ผู้ที่เชื่อ และรู้จักความจริงบริโภคด้วยขอบพระคุณ" (1ทิโมธี 4:1-3)
พระคัมภีร์จึงบอกว่า  เมื่อใกล้จะถึงวันสุดท้ายที่พระเยซูคริสต์จะกลับมา  จะมีคนเป็นอันมากอ้างตัวว่าเป็นพระคริสต์  และก็มีคนเป็นอันมากหลงใหลใผ่ฝันไปนมัสการ  และติดตามผู้นั้น  มันจะหลอกลวงบรรดาประชาชาติ
ในวิวรณ์ 20  มันขัดขวางการรับใช้พระเจ้า  มันใช้ผู้สอนผิด ๆ เข้าแทรกแซงในคริสตจักร  มันปลอมตัวเหมือนผู้รับใช้พระเจ้า  มันยุให้มีการแตกแยก  นี่แหละคืองานของมันล่ะ
ในลูกา 8:12  กล่าวว่า
"ที่ตกตามหนทางได้แก่ คนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วมารมาชิงเอาพระวจนะจากใจของเขา เพื่อไม่ให้เชื่อและรอดได้" (ลูกา 8:12)"
นี่ก็เป็นเหตุหนึ่งที่คนมากมายได้ยินพระวจนะของพระเจ้าแล้ว  แต่ก็ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว  ไม่รู้  ไม่เข้าใจสักที  เพราะมารนี่เองที่คอยช่วงชิงเอาพระวจนะที่จะตกในจิตใจของเขาไป  เพราะมันรู้ว่าถ้าพระวจนะตกถึงจิตใจของคนที่เชื่อแล้ว  พระวจนะจะเกิดผลแน่
ใน 2โครินธ์ กล่าวว่า  มันทำให้ตาของคนมืดมัวไปเพื่อจะไม่เห็นพระเจ้า  ไม่เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์
ใน 2โครินธ์ มันทำให้คริสเตียนไม่ให้อภัยซึ่งกันและกัน  มันสู้รบหาช่องทำลายคริสเตียน  มันกล่าวหาฟ้องร้องธรรมิกชน
ดังที่บันทึกในวิวรณ์ 12  มันฝัง "ความสงสัยในพระเจ้า"  ไว้ในใจเรา  "จริงหรือ...จริงหรือ" ให้เราสงสัยในความชอบธรรมของพระเจ้า  สงสัยในความบริสุทธิ์ของพระเจ้า  สงสัยในการอัศจรรย์ของพระเจ้า  มันชอบทำให้เราสงสัย และชอบล่อลวงให้เราโกหก 
เช่นเรื่องอานาเนียกับสัปฟีรา  สามีภรรยาที่ขายที่ดินแล้ว  เอาเงินส่วนหนึ่งมาถวาย  แต่โกหกว่าถวายหมดแล้ว (กิจการ 5)  ที่จริงเงินทั้งหมดก็เป็นของเขาเอง  ถ้าจะพูดตรง ๆ ก็ไม่เห็นมันจะผิดอะไร เพราะเป็นของเขา  แต่มารพยายามล่อลวงให้คนที่เชื่อพระเจ้าพูดมุสา  พระคัมภีร์บอกว่าซาตานเป็น "พ่อของการมุสา" 
มันล่อลวงในเรื่องทางเพศ  ใน 1โครินธ์ 7:5 อธิบายให้เราระวังในเรื่องนี้  มันพยายามให้เราปักหลักอยู่กับโลกียวิสัยของโลก
นอกจากนั้นมันยังชอบยุยงให้คนเราอวดตัว  ไม่งั้นก็ดึงให้เรารู้สึกท้อใจ  มันชอบขัดขวางงานที่เรารับใช้พระเจ้า และยุแหย่ให้แตกแยกกันด้วย


เมื่อดูความหมายของชื่อ "ซาตาน"  พระคัมภีร์ได้อธิบายว่า  ซาตานมีชื่อว่า
1. "เจ้าโลกนี้ หรือ เจ้าของโลกนี้  หรือเจ้าแห่งโลกนี้" (1ยอห์น2 และ 5, มัทธิว 12, ยอห์น 12 และ 16)
"เราทั้งหลายรู้ว่าเราเกิดจากพระเจ้า และชาวโลกทั้งสิ้นอยู่ใต้อานุภาพของมารร้าย" (1ยอห์น 5:19)
2. "เจ้าแห่งย่านฟ้าอากาศ" ที่สิงอยู่ในคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อ
"ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยประพฤติในการบาปนั้นตามวิถีของโลก ตามเจ้าแห่งย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อฟัง" (เอเฟซัส 2:2)
3. "พระของยุคนี้"  ซึ่งทำให้คนเป็นอันมากหลงไป
"ส่วนคนที่ไม่เชื่อนั้น พระของยุคนี้ได้กระทำใจของเขาให้มืดไป เพื่อไม่ให้เขาได้เห็นความสว่างของข่าวประเสริฐ เรื่องพระสิริของพระคริสต์ผู้เป็นพระฉายของพระเจ้า" (2โครินธ์ 4:4)
4. "เบเซเอลบูล"  หมายถึง  นายผี หรือผู้บังคับบัญชาผีทั้งหลาย (มัทธิว 12:24, ลูกา 11:15)  ที่จริง  คำนี้ในภาษาฮีบรูแปลว่า เจ้าแห่งแมลงวัน  ซึ่งอาจจะเป็นการพูดดูถูกพระบาอัล หรือพระต่างชาติก็ได้
"แต่พวกฟาริสีเมื่อได้ยินดังนั้นก็พูดกันว่า 'ผู้นี้ขับผีออกได้ก็เพราะใช้อำนาจเบเอลเซบูลผู้เป็นนายผีนั้น' " (มัทธิว 12:24)
ผมยกชื่อเหล่านี้มาพอให้ผู้อ่านได้เข้าใจ  แต่ที่จริงมันยังมีชื่ออีกมากถึง 11 ชื่อ  เช่น
  • ลูซิเฟอร์ หรือ ดาวประจำกลางวัน
  • บาบิโลน หรือ บุคคลที่ซาตานใช้ (อิสยาห์ 14)
  • ผู้ขัดขวาง หรือ ผู้ต่อต้าน (ใช้ชื่อนี้ในพระคัมภีร์ถึง 52 ครั้ง)
  • งูดึกดำบรรพ์
  • พญานาค
  • มารร้าย
แต่ขอให้เข้าใจว่า  ชื่อต่าง ๆ เหล่านี้ได้ชี้ถึงกิจการของซาตานด้วย  กิจการของมันจะเป็นไปตามชื่อที่ปรากฎในลักษณะต่าง ๆ อย่างชัดเจน  เช่น 
  • ในมัทธิว 12 มันได้ชื่อว่าเป็นผู้กล่าวหา หรือ ผู้ฟ้องร้อง 
  • ในวิวรณ์ 12 กล่าวว่า  ซาตานเป็นผู้หลอกลวง 
  • ในยอห์น 8 กล่าวในแง่ว่า  ซาตานเป็นผู้ฆ่าคน เป็นพ่อของการมุสา

ในพระคัมภีร์เดิม  มนุษย์จะไม่ตกต่ำในความบาปเลย  ถ้าไม่มีซาตาน
ปฐมกาลบทที่ 3 กล่าวว่า  ซาตานได้ใช้งูเป็นเครื่องมือ
ที่จริง  ซาตานทำงานโดยตัวของมันเองไม่ค่อยได้เท่าไร  นอกจากจะใช้สิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตเป็นเครื่องมือเพื่อทำให้งานของมันสำเร็จตามเป้าหมาย
เช่น เรื่องของโยบ  เป็นเรื่องระหว่างพระเจ้ากับซาตาน  ในหนังสืออิสยาห์ 14:12-17  และ เอเสเคียล 28:1-19 ก็เช่นกัน
เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์เดิม  เราจะเห็นว่ามีบันทึกเรื่องซาตานอยู่มาก
ถ้าจะพูดอีกแง่หนึ่งก็คือ  พระคัมภีร์เดิมดูจะไม่ค่อยมีความหมายเท่าไรนัก  ถ้าตัดเรื่องซาตานออกไป  เพราะปกติแล้ว  ซาตานมีส่วนเกี่ยวข้องและมีบทบาทสำคัญในชีวิตมนุษย์
ในพระคัมภีร์ใหม่ก็เช่นเดียวกัน  พระคัมภีร์พูดถึงซาตานทั้งหมดถึง 19 เล่ม  เฉพาะในพระกิตติคุณ 4 เล่ม  ก็พูดถึงซาตาน 29 ครั้งด้วยกัน  และในจำนวนนี้  มี 25 ครั้งที่เป็นคำตรัสของพระเยซูคริสต์โดยตรง
เมื่อเราดูในมัทธิวบทที่ จะพบว่า  ขณะที่พระเยซูคริสต์ปะทะกับซาตานในถิ่นทุรกันดาร  พระองค์เองเป็นผู้เปิดเผยแผนการของซาตาน  ทำให้เราทั้งหลายได้เข้าใจและพระองค์เท่านั้นที่เปิดเผยได้ดีที่สุด  เพราะพระองค์รู้จักมันดี
ฉะนั้น  คริสเตียนจะแพ้หรือชนะ  ก็อยู่ที่ว่าเราได้ล่วงรู้กลเม็ดของซาตาน  ล่วงรู้ถึงการงานและลักษณะของมันมากน้อยเพียงไร








เอเศเคียล แปลว่า เข้มแข็งโดยพระเจ้า
- คำนำ – บทนำ เบื้องหลัง
การแพ้ให้กับอัสซีเรียในปี 722-721 และเเสียให้บาบิโลน ปี 612 และอีกสามปีต่อมา ฟาโรเนโคที่ 2 มาสู้รบกันสมัย โยสิยาห์และเฮเซคียาห์  2 พกษ 23:29-30   2 พศด 35:20-24
และต่อมา ปี 609-605  เยโฮอาหาส แพ้กองทัพอียิปต์  ยรม.46.2 และต่อมา เยโฮยาคิมหันไปเข้ากับบาบิโลน และปี 597ตกเป็นทาสบาบิโลนรวมทั้งเอเศเคียลก็ตกไปเป็นเชลยด้วย  2พกษ 24:14  ดนล. 1.1  และบาบิโลนได้ตั้งลุง คือ เศเดคียาห์ ปี 586 บาบิโลนปกครอง จนถึงปี 539 เปอร์เซียปกครองและให้ยูดากลับมาปกครองตนเอง
-           ข้อมูลผู้เขียน คือ เอเศเคียล 1.1-3   24:15-18 3:24   8:1  อยู่ท่ามกลางเชลยชาวยิว
-           ข้อมูลเรื่องนิมิตวิหาร     8-11  40-48  ท่านเป็นปุโรหิต จึงรู้เรื่องและชำนาญการ และใช้คำเฉพาะด้วย
-           ข้อมูลเรื่องบาป และวรรณกรรมในการเขียนถ่ายทอด และเทศนาสอนอย่างมีศิลปะและเชิงสัญลักษณ์และปรัชญาชั้นสูงด้วย      
2. จุดประสงค์หลักในการเขียน
- ให้ฟังคำของพระเจ้าเรื่องการกลับเยรูซาเล็มไม่ใช่เร็วๆนี้ ตามคำสอนเท็จ
- ให้มีความหวังใจและอยู่อย่างสงบสุขในหมู่เชลย 1-24  ยรม 29-30
- ให้ไว้ทุกข์แก่เยรูซาเล็มคือภาพภรรยาที่ตายและการสำนึกผิดในบาปและสภาพจิตวิญญาณของตัวเอง 24:15-27
- ให้รู้ว่าชนชาติอื่นๆก็จะถูกกวาดหรือลงโทษเหมือนกัน 25-32
- ให้การปลอบโยนหนุนใจฟื้นฟูชีวิตใหม่อีกครั้ง เพราะเขารู้ว่าเยรูซาเล็มถูกทำลายราบคาบ 33-48 แต่พระเจ้าจะให้ทรงกลับคืนอีกครั้งอย่างงดงาม คือ ภาพวิหารใหม่ในอนาคต
3. วันเวลาที่เขียน  571 คือ หลังจาก 7 ปี  29:17
4. ข้อมูลและลักษณะพิเศษ พระเจ้าได้ทรงสถิตกับเอเศเคียล คือทรงใช้ท่านและบอกการครอบครองของพระเจ้าและทรงมีสิทธิอำนาจสูงสุด แต่ทรงสำแดงพระคุณแก่อิสราเอลเพื่อให้อิสราเอลเห็นความรักเมตตาและกลับมาพึ่งพระคุณอย่างแท้จริง และเอเศเคียลเรียกนามตัวเองเหมือนพระเยซู คือ บุตรมนุษย์ 2:1
       - ข้อมูลเชิงลึกด้านศาสนาศาสตร์  เน้นแผนการพระผู้ไถ่ คือ เชื้อสายดาวิด ชนชาติบริสุทธิ์ วิหารบริสุทธิ์ นครบริสุทธิ์ จนเล็งถึงการสำเร็จการไถ่ของพระเยซูและพันธสัญญาใหม่
5. โครงร่าง
5.1 พระดำรัสบอกการพิพากษาอิสราเอล –ฝ่ายเหนือ  1-24
       - สำแดงให้นิมิตเอเศเคียล  1-3
      - สำแดงพระประสงค์แก่เอเศเคียล 2-3
      - สำแดงให้รู้หน้าที่ความรับผิดชอบ  3
     - สำแดงสัญลักษณ์ภาพเยรูซาเล็ม 4-5
     - สำแดงการพิพากษา 6-7
     - สำแดงความโกรธเพราะบาปผิด  8-11
     - สำแดงเกียรติพระสิริถูกพรากจากวิหาร 10
     - สำแดงความรักและพระคุณฟื้นฟูอิสราเอลใหม่ 11-12
5.2 พระดำรัสบอกการพิพากษายูดา – ถึงยูดาฝ่ายใต้ 13-24
      - สำแดงความบาปยูดา ผู้เผยเท็จ  และไหว้รูปเคารพ 13-14
     - สำแดงความผ่านภาพเรื่องคำอุปมาและสัญลักษณ์ 15-18
     - สำแดงให้เห็นผลบาปที่ต้องรับ 19-24 
5.3    พระดำรัสบอกการพิพากษาประชาชาติต่างๆ ถึงชนทุกชาติ 25-32
       -  อัมโมน – อียิปต์
      - สำแดงบาปแห่งความเย่อหยิ่งเหมือนมาร  28
      - สำแดงผลบาปตาย พินาศ 32:17-32
5.4 พระดำรัสแห่งการปลอบโยน – ถึงอิสราเอลทุกเผ่า รวมชาติ  33-48
       - สำแดงการเรียกใหม่    33
       - สำแดงการเป็นผู้เลี้ยงที่ดีเลิศของพระเจ้า  34
        -  สำแดงบาปโทษตัวอย่างเอโดม  35
        - สำแดงการรื้อฟื้นอิสราเอลที่ยิ่งใหญ่อลังการ 37 – 48

6. บทเรียนและเนื้อหาสาระ   37:11-14 คีย์เวิร์ด
     - คำที่สำคัญ คือ เพื่อจะรู้ว่าพระเยโฮวาห์คือพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
1.     - พระดำรัสถึงอิสราเอล  ทาง เอเศเคียล
    - เวลาเรียก  / วิธีการเรียก / จุดประสงค์การเรียก / 1-3
    - วิธีการสื่อสาร / บอกข่าว /แจ้งข่าว /ให้เห็นภาพ /คำตำหนิ / ภาพวิหาร 4-10   คำเตือน –คำหนุนใจ
 2.  – พระดำรัสถึงยูดาห์ – 13-24
     - กล่าวโทษ / ตำหนิ / เตือน / โดยแสดงสัญลักษณ์ – คำอุปมา –
3. – พระดำรัสถึงบรรดาประชาชาติ 25- 32
      - กล่าวโทษ / ลักษณะของแต่ละชาติ / ความหยิ่ง /ความดื้อ /ความพินาศ /
4. – พระดำรัสปลอบโยน 33- 48
       - การเป็นยามเฝ้าแส  ดงถึงความห่วงใยของพระเจ้า  33
       - การเป็นผู้เลี้ยงที่ดีเลิศของพระเจ้า 34
       - การตีสอนต่างชาติที่ทำร้ายอิสราเอล 35-36
       - การฟื้นฟูด้วยพระวจนะให้มีชีวิตใหม่ 37
       - การตำหนิ ตีสอนต่างชาติและให้อิสราเอลเห็นชัยชนะในอนาคต 38-39
       - การมีวิหารใหม่ พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย 40-44
       - การแบ่งที่ดินคือ พระพรและมรดก ความสงบสุขแท้จริงเหมือนสมัยโยชูวา 45 -48


///สรุปพระพร
-           เวลานี้พระวจนะของพระเจ้ามาถึงเราโดยตรง
-           เวลานี้เราต้องทำหน้าที่ผู้ประกาศ สื่อสารพระวจนะเหมือนเอเศเคียล
-           เวลานี้ คนบาปทุกประชาชาติโปรดฟังพระวจนะ /กลับใจ /รับโอกาส /รับพระพร
-           เวลานี้เรารอคอยวิหารเยรูซาเล็มใหม่ คือ สวรรค์
-           เวลานี้ จงยึดพระวจนะ /จงให้พระวจนะเปลี่ยนแปลงชีวิต /จงให้พระวจนะสำคัญเสมอ








  





พระธรรมเยเรมีย์

-           ผู้เขียน คือ เยเรมีย์เป็นลูกปุโรหิตและเป็นปุโรหิตด้วย
-           จุดประสงค์ในการเขียน
///  เพื่อบอกการพิพากษาของอิสราเอลตามคำพยากรณ์แน่นอน
/// เพื่อบอกถึงความรักพระเมตตาพระคุณของพระเจ้าต่ออิสราเอล
/// เพื่อเตรียมอิสราเอลเพื่ออนาคตและช่วยคนในปัจจุบันให้รอดเท่าที่ทำได้
-           โครงร่าง
1.       พระเจ้าเรียกเยเรมีย์ 1:
2.       พระเจ้าเรียกผู้นำอิสราเอล  2:- 25:
3.       พระเจ้าเรียกประชนให้กลับใจทิ้งบาป 26: - 45 :
4.       พระเจ้าเรียกบรรดาประชาติให้กลับใจ 46: - 51:
5.       พระเจ้าเรียกให้เชื่อฟังพระวจนะและรอคอยเวลาของพระเจ้าในอนาคต 52:

-           ข้อพระคัมภีร์ที่สำคัญ  (29:11  )31:31  32:17-19  32:33  32:39 (33:15 อังกูร)  
-           ข้อพระคัมภีร์ที่น่าสนใจ   37: 15 30:1-2  36:32 33:3 51: 59-61  46:18 31:3

-           เนื้อหาสาระ เยเรมีย์

1.       การเรียกเยเรมีย์  1: 5
-            เรียกทำไม
/// เพื่อช่วยอิสราเอลและบอกแผนการของพระเจ้าให้เข้าใจ 29:11
/// เพื่อประกาศข่าวแก่ทุกคน เทศนา สั่งสอนพระวจนะ  
-           เรียกเมื่อไร
///  เมื่อยังเด็ก หรือ หนุ่ม และไม่ถึงหลักเกณฑ์ตามความเชื่อชาวยิว

-           เรียกอย่างไร
/// เรียกด้วยเสียง เรียกด้วยภาระใจ เรียกด้วยพระคุณ
/// สถาปนา – แต่งตั้ง -
-           การตอบสนองการเรียกของเยเรมีย์  
///  คิดว่าตัวเองยังเด็ก คือ ถ่อมใจ เป็นงานใหญ่ เป็นงานยาก เพราะรู้จักอิสราเอลดี
/// คิดว่าตัวเองไม่เหมาะสม ไม่ดีพอ ไม่คู่ควร เช่น โมเสส
/// ยอมต่อพระเจ้า เชื่อฟัง ยอมรับพระวจนะ ยอมเรียนรู้
///สิ่งที่เขาต้องทำ / ถอน / พัง / สร้าง /ปลูก/
/// ให้นิมิต /เห็นนิมิต / เห็นความสำเร็จ ถ้อยคำ/
2.       การเรียกผู้นำ ผู้ใหญ่และประมุขของอิสราเอล
///  เรียกผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ คือ ปุโรหิตของพระเจ้า 2:8,26  
///
3.       เร้ส่วนสา











ฝาก ใบแจ้งความจำนงค์ เข้าร่วมรีทรีท์”  ให้ Sala.Arom  ส่งให้ผู้ประกาศ อาข่าทุกคน 
ใบแจ้งเข้าร่วมประชุมผู้รับใช้กลุ่มสามัคคีธรรมแบ๊พติสส์ร่มพระคุณ
                         ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม 2013
ชื่อ/นาม สกุล...................................................อายุ.......ปี   คริสตจักร....................................  ชื่อ/นามสกุล ผู้ร่วมห้องพัก..........................................อายุ........ปี   คริสตจักร......................................โทรฯ...........................   โทรฯ.................................
















ระเบียบการสำหรับผู้เข้าร่วมรีทรีท :-
1.ผู้รับใช้พระเจ้าที่อยู่ในกลุ่มองค์กรคริสตจักรแบ๊พติสพระกรุณาธิคุณเท่านั้น
2.ได้รับการสนับสนุนเข้าร่วมรีทรีทเป็นค่าที่พักคนล่ะ 350.-บาท
3.ได้รับการสนับสนุนอาหารฟรีในช่วงรีทรีท
4.จะต้องไม่ขาดการร่วมรายการต่างๆ
5.จะต้องแจ้งความจำนงภายในวันที่ 30 กันยายน 2013
6.พร้อมชำระค่าลงทะเบียน คนล่ะ 100.- ที่ อ.สมชิต แจ้งไพร
7.พักห้องล่ะ 2 คน (ผู้ใหญ่) ผู้ที่ไม่มีภรรยามาด้วย จะต้องหาผู้ร่วมพักอีกคนเอาเอง
8.ผู้ที่ถอนตัวจะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ก่อนวันที่30กันยายน 2013  ถ้าไม่แจ้งจะต้องจ่ายค่าห้องคนล่ะ350.-
9.ผู้รับใช้อาข่า  และ ผู้รับใช้ลาหู่  ให้เตรียมเพลงพิเศษ มาด้วยเพื่อถวายเพลงในงาน.
        ข้าพเจ้าได้อ่านและ รับทราบระเบียบการแล้ว   จึงลงชื่อเพื่อรับทราบ
ลง ชื่อผู้สมัคร...................................  
และ ผู้ร่วมในห้องพักลงชื่อ...............................            วันที่      /เดือน...................2013




ไม่มีความคิดเห็น:

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
พวกเราเป็นกลุ่มคริสตจักรท่มีความเชื่อตามหลักของพระคัมภีร์อย่างเคร่งครัด เราเชื่อว่า เรารอดโดยพระคุณพระเจ้า และเชื่อในตรีเอกานุภาพ และพระคัมภีร์66เล่มเป็นการดลใจจากพระเจ้าและไม่มีความผิดพลาดของต้นฉบับ และพระวจนะของพระเจ้าเป็นแหล่งชีวิตและความจริง เป็นหนังสือท่ช่วยในการดำเนินชีวิตประจำวัน เราเชื่อว่าเมื่อเราเชื่อในพระองค์เราได้รับองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ในทันใดนั้น เพราะทรงประทับตราเรา ( เอเฟซัส 1:13-14)