เทศนา โดย อ. สมชิต แจ้งไพร
- คริสเตียนควรทำอะไรในวันอีสเตอร์
- คำนำ ..... มีคริสเตียนมากมายได้ฉลองและมีกิจกรรมในวันอีสเตอร์ แต่บางคนก็ทำเพราะไม่รู้ไม่เข้าใจ
เช่น บางแห่งก็แสดงการตรึงจริงๆแต่ไม่ได้ฉลองการฟื้นขึ้น น่าเสียดาย
// / คริสเตียนควรทำอะไรในวันอีสเตอร์
- เรื่อง ....... คริสเตียนควรทำอะไรในวันอีสเตอร์
3 ป. ที่คริสเตียนควรจะทำ
1. ประกาศ
- บอกข่าวดี บอกข่าวเด่น บอกข่าวดัง บอกข่าวด่วน
- เป็นพยาน บอกข่าวประเสริฐ บอกเรื่องความรัก บอกเรื่องความรอด ความจริงอื่นๆ
เช่น พวกผู้หญิงที่พบอุโมงว่างเปล่าแล้วรีบประกาศ และ กลุ่มสาวกที่เป็นพยานและเทศนา
ลก. 24:1-11 ,35 24:47 มธ.28:19-20
/// เราทำอะไรในวันอีสเตอร์ (ฉลองปาร์ตี้ วิ่งซ่อนไข่ )
- แต่ที่เราควรจะทำและต้องทำ คือ ประกาศ บอกให้ทุกคนรู้เพื่อเขาจะเชื่อและรับความรอด
- เราต้องฉวยโอกาสเป็นพยาน มีหลายคนที่อาจจะเชื่อในวันอีสเตอร์นี้
- วันอีสเตอร์คือโอกาสที่เราจะประกาศเป็นพยาน และมีคนชอบถาม เราต้องพร้อมจะตอบ
2. เปรมปรีดิ์
- คือ มีความชื่นชมยินดี เพราะเรามีความรอด เรามีความหวัง
เช่น 1 ธส 4: 13-17 ลก. 24:52 มธ.28:8
เช่น สาวกที่ไม่อยากเชื่อและเป็นเรื่องยินดีอย่างเหลือเชื่อ ลก.24:41
/// วันนี้เป็นวันแห่งความยินดี เปรมปรีดิ์เหมือนวันที่พระองค์มาเกิด และบอกข่าว
แก่คนเลี้ยงแกะ วันนี้ก็เช่นกัน เป็นวันแห่งความชื่นชมยินดีจริงๆ และทุกๆวัน
เช่น ชีวิตของเปาโล สาเหตุแห่งความยินดีเพราะพระเยซูฟื้นขึ้น
ชีวิตของเราก็เช่นกัน จงยินดีในความรอด ในความหวัง ในพระเยซู เสมอ
ฟป.4:4 1ธส 5:16
- บางคนแทนที่จะมีความเปรมปรีดิ์ กับทำหน้าอมทุกข์ และจมปลักอยู่กับปัญหาชีวิต
เช่น มาร์ตินลูเธอร์ เมื่อท่านถูกข่มเหงก็ท้อถอยและไม่พูดจากับใครและเศร้าหมองจนภรรยาของท่านก็แต่งชุดดำและบอกว่าจะไปงานศพ และมาร์ตินถามว่างานศพใคร เธอตอบว่างานศพของพระเยซู มาร์ตินต่อว่าเธอ พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว จึงทำพิธีระลึกถีงงานศพได้อย่างไร เธอตอบว่า ดูคุณซิพระเจ้าทรงฟื้นขึ้นมีชีวิตอยู่แต่ชีวิตของคุณเหมือนพระเจ้าตายแล้ว จุดนี้เองทำให้มาร์ตินลูเธอ คิดได้และเปรมปรีดิ์มีความสุขและลุกขึ้นมอบปัญหาให้กับพระเจ้าและต่อสู้จนชนะในที่สุด
3. เปลี่ยนแปลง
- คือ มีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงใหม่ เป็นคนใหม่ ทิ้งชีวิตเก่า ฝังตัวเก่า
เช่น โรม 6:1-4 – 14
เช่น ชีวิตของสาวกเมื่อก่อนกลัวก็กลายเป็นความกล้า เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนสามัญ ก็ประหลาดใจ แล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู ( กจ 4:13 )
เปโตรเคยปฏิเสธก็กลับมา และอาย เสียใจ เศร้าใจ
บางคนโศกเศร้าทุกข์ใจก็กลายเป็นยินดี
/// เราต้องรับการเปลี่ยนแปลงจากพระเยซู เมื่อพระองค์ทรงฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว
- เอาตัวเก่าฝังไว้กับพระองค์ ตรึงตัวเก่าไว้กับพระองค์
- อย่าดำเนินชีวิตคริสเตียนเหมือน คนที่ไม่มีหวัง แต่มั่นใจในชีวิตหลังความตาย
- เราพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เมื่อไร พระเจ้าพร้อมช่วยเรา
สรุป...... วันอีสเตอร์คริสเตียนควรทำอะไร
- จงประกาศ , จง เปรมปรีดิ์ ,จง เปลี่ยนแปลง และยอมให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงเรา
- จงให้วันอีสเตอร์เป็นวันพิเศษสำหรับเราทุกๆวัน ไม่ใช่ปีละครั้งเฝ้ารอคอยการเสด็จกลับมา
- อย่าดำเนินชีวิตเหมือนพระเจ้าของเราตาย และอย่าให้ชีวิตของเราตายในความเชื่อ หรือหลับ
หลังจากวันอีสเตอร์ และพอปีหน้าก็ตื่นอีกครั้ง แต่ให้ตื่นทุกวัน ชื่นชมยินดีทุกวัน
/// มีคริสตจักรแห่งหนึ่งเป็นคริสตจักที่กำลังจะตายในความเชื่อเพราะชีวิตสมาชิกทำบาปและไม่เชื่อฟัง
พระเจ้าเพราะบางคนก็เชื่อแต่ปากเท่านั้น จนวันอีสเตอร์มาถึง ศิษยาภิบาลจึงแจกการ์ดงานศพมีการทำพิธีในวันอาทิตย์นี้ สมาชิกเก่าแก่มากมายได้มาร่วมและเมื่อถึงงานเริ่ม ศิษยาภิบาลให้ทุกคนไปเคารพและดูหน้าศพ เมื่อแต่ละคนเดินเข้าไปดูและชะโงกหน้าดูที่โลงศพก็ทำสีหน้าเศร้าและเดินร้องไห้ออกมา และสาเหตุที่เขาร้องไห้ เพราะว่าศิษยาภิบาลได้เอากระจกใส่ไว้ในโลงศพจึงมองเห็นหน้าของตัวเอง และเสียใจและสำนึกผิดต่อพระเจ้า และในวันนั้นเองคริสตจักรแห่งนี้ได้รับการฟื้นจิตวิญญาณใหม่อีกครั้งและเข้มแข็งในการประกาศและมีคนเข้ามารับความรอดอย่างมากมายด้วย ขอพระเจ้าทำงานในชีวิตของท่านตลอดไปในวันอีสเตอร์นี้
วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2552
ชีวิตท่ดึงดูดผู้คนของพระเยซู
เทศนา โดย อ. สมชิต แจ้งไพร
- จุดประสงค์เพื่อให้คริสเตียนได้เรียนแบบอย่างจากพระเยซูที่ดึงดูดผู้คนเข้ามาพระองค์
- คำนำ...... มีหลายคนที่หาวิธีสารพัดอย่างที่จะนำคนเข้ามาเชื่อพระเจ้าและเข้ามาคริสตจักร
เช่น สอนภาษาอังกฤษฟรี และ การนำเอาสิ่งที่ท้าทายเรื่องสนุกเรื่องตลกคลายเตรียดต่างๆ
บางคริสตจักรจ้างดารา จ้างตลก มีการแสดงมายากล และมีการโฆษณา อื่นๆ หรือ หานักร้องดังๆมาเป็นตัวล่อชวน แต่ก็ยังไม่สำเร็จเท่าที่ควร แต่บางคริสตจักรมีการใช้ของรางวัลล่อเช่นแจกข้าวสารแจกแว่นตา ให้ทุนการศึกษาอื่นๆ และบางแห่งมีการประกาศรักษาโรคเหมือนพระเยซูและเปาโล
แต่มีผลเสียคือคนที่ไม่หายก็ด่าและประจาน ดังนั้นเราต้องเรียนรู้จากพระเยซู
- เรื่อง ...... เคล็ดลับการดึงดูดผู้คนของพระเยซูคริสต์ ( มธ 5:1-12 )
/// พระเยซูทำอย่างไร และใช้วิธีอะไรจึงมีคนเข้ามาหาพระองค์อย่างเนื่องแน่น
/// พระเยซูทรงใช้เคล็ดลับ 3 ร.
พระเยซูมีความรักให้
- เป็นความรักที่จริงจัง จริงใจ ไม่มีอะไรแอบแฝง และไม่มีเงื่อนไข และบริสุทธิ์
เช่น บางครั้งพระเยซูแสดงความรักเมตตาและร้องไห้ ( มธ 9:36)
ทรงร้องไห้กับครอบครัวลาซารัส ( ยน 11:35-36)
- ทุกคนต้องการความรักแท้ และทุกคนหิวและโหยหาความรักเช่นนี้ ซึ่งในผู้อื่นไม่มี มีแต่ไม่เหมือน
พระเยซูคริสต์ ( พระเยซูทรงตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ที่รักฝูงแกะ ยน. 10:10-15 )
แต่พวกผู้นำศาสนาในเวลานั้น ไม่มีความรักให้ประชาชน แต่หาผลประโยชน์และอำนาจจากประชาชน ตาดำๆ ดังนั้นพระเยซูจึงมองเห็นสภาพพวกเขาเหมือนแกะไม่มีผู้เลี้ยง
- พระเยซูประทานความรักให้กับทุกคน สอนเรื่องความรักเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญที่สุด
เช่น ทรงให้ความรักกับคนบาปอย่างศักเคียส ( ลก.19:1-10)แม้เป็นคนที่สังคมรังเกียจ
เช่น ทรงให้ความรักกับโสเภณีหญิงชั่วที่บ่อน้ำและคนที่กำลังจะถูกหินขว้าง ( ยน 4: 8:1-11
ลก 7:36-50) แม้ยูดาสที่เป็นศัตรูก็ทรงให้ความรักและล้างเท้าให้ด้วย
พระเยซูทรงให้ความรักไม่จำกัดและให้หมดใจ แม้กับเด็กๆ หญิงแม้ และศัตรูคือพวกฟาริสี
และแม้แต่โจรผู้ร้ายบนไม้กางเขนก็ยังได้รับความรัก ( ลก23:39-41)
/// การประยุกต์ใช้..... ถ้าเราอยากให้คนเข้ามาคริสตจักรมากๆ เยอะๆ ต้องมีความรักให้เขาเหมือนพระเยซู เพราะโลกนี้เป็นโรคขาดความรัก เขากำลังหารักแท้ รักที่มั่นคง รักที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือ จากพระเยซูคริสต์ หรือ จากชีวิตของผู้เชื่อ คือคุณเอง เราให้ได้ทุกวัน ทุกเวลา เช่น การให้ความช่วยเหลือหรือน้ำจิตน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ในการซื้อน้ำดื่มเย็นๆให้ หรือกาแฟ หรือ ถามสารทุกข์สุขดิบ และทำสิ่งที่ดีให้เขา
เขาสามารถมองเห็นความรักของพระเยซูผ่านทางชีวิตของเรา เช่น คนที่มาที่โบสถ์มีเพื่อน มีการต้อนรับ
มีคนนั่งคุยคอยช่วยเปิดพระคัมภีร์ ไม่ปล่อยให้เขาเหงาคนเดียว เป็นความรักที่เขาสัมผัสและเห็นได้จริง
และเราต้องทำจากใจ ทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ต่อหน้าและลับหลัง คนจะแห่กันเข้ามาแน่นอน
เช่น คริสตจักรแรกในกรุงเยรูซาเล็ม ( กจ.2: 43-47) แบ่งปันความรัก ข้าวของ เงินทอง หนุนใจ อื่นๆ
- นี่เป็นโอกาสทองของเราที่เราจะสำแดงความรักต่อโลกที่กำลังโหยหิวความรัก
/ เพราะพวกเขาหนีเสือปะจระเข้ เพราะในกิจกรรมของศาสนาคือผลประโยชน์จากกระเป๋า
ของคนที่ เข้าไป และถูกหลอกลวง ถูกปล้น ถูกทำร้าย อื่นๆ
/ เราอย่าให้คริสตจักรหมดความรักของพระเจ้า โดยการแตกแยกกัน ทะเลาะกัน
และแบ่งชั้นวรรณะเหมือนคริสตจักรที่ท่านยากอบเขียนไปตักเตือน ( ยก2:1-7) และที่โครินธิ์ก็ขาดความรัก
และคดโกงกัน ฟ้องศาล และแบ่งพรรคแบ่งพวก ( 1 คร 1:10-13 3: 1-8 13:1-13) ดังนั้นเปาโลจึงเน้นและสอนเรื่องความรักเป็นสิ่งที่พวกเขาขาด พวกเขาละเลยมองข้าม เพราะไม่ใช่พวกดึงดูดคนเข้ามาแต่ผลักใสให้เขาออกไป คริสเตียนทุกคนก็เช่นกันต้องมีความรักของพระเยซูในชีวิต และสำแดง สัมผัสได้จริง
/ ผู้รับใช้บางคนหรือคริสเตียนบางคนมีความรักแค่ในคริสตจักรแต่นอกคริสตจักรไม่มี
มีตัวอย่างของครอบครัวนักเทศ วันหนึ่งภรรยาจึงหอบที่นอนหมอนมุ่งมานอนที่คริสตจักรและศิษยาภิบาลก็ถามภรรยาว่า ทำไมเอาที่นอนมานอนที่คริสตจักร ภรรยาตอบว่า เพราะว่าในคริสตจักรมีความรักแต่เมื่ออยู่ที่บ้านคุณไม่มีความรักให้เลย พี่น้องที่รักพระเยซูไม่ได้มีอะไรที่เราเองทำไม่ได้คือการสำแดงความรักเหมือนพระองค์ เป็นความรักที่จริงใจ จริงจัง และสัมผัสได้ ใจสัมผัสใจ พระเยซูยอมเสียสละ อดทน และปรารถนาดี ให้กับทุกคน และแม้เขาจะปฏิเสธความรักของพระองค์ และข่มเหง แต่ความรักก็จะทำให้เขาสำนึกผิดได้
/ วันนี้ขอให้คริสเตียนดึงดูดผู้คนด้วยความรักเหมือนพระเยซู
พระเยซูมีความรู้ให้ ( มธ 5: 6: 7: )
- พระเยซูทรงเป็นความจริง เป็นความสว่าง เป็นพระวาทะ เป็นสติปัญญา เป็นผู้กลาง
ดังนั้นในพระเยซูจึงมีความรู้มากมายทุกๆแง่มุมของชีวิต ทรงรู้อดีต อนาคต ปัจจุบัน
ดังนั้นมีหลายคนที่เรียกพระองค์ว่ารับบีแปลว่าครูหรืออาจารย์ผู้ประเสริฐ
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องเคล็ดลับความสุข 5:1-12
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการมีชีวิตที่มีอิทธิพลต่อโลกเหมือนเกลือและตะเกียง 5:13-16
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องพระบัญญัติและความเคารพยึดมั่น 5:17-20
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องความโกรธและการยกโทษคืนดีกัน 5:21-26
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการหย่าร้างและการผิดและล่วงประเวณี 5:27-32
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการตอบแทนการตอบโต้คนที่เอาเปรียบและศัตรู 5:38-48
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการบริจาค ทำทาน ถวายทรัพย์ที่ถูกต้อง 6:1-4
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการอธิษฐานและการถืออดอาหารอย่างไรจึงถูกต้อง 6:5-18 7:7-12
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องทรัพย์สมบัติที่ยั่งยืน และตาฝ่ายวิญญาณ 6:19-24
- พระเยซูทรงให้ความรู้และทางแก้ไขเรื่องความกระวนกระวายใจ วิตกกังวล 6:25-34
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการตัดสิน ต่อว่าผู้อื่น 7:1-6
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องหนทางแห่งความรอด ทางแห่งความจริง 7:13-27
/// เป็นความรู้ที่แท้จริง ใช้ได้จริง เป็นนามธรรมและรูปธรรม ใช้ได้ตลอดเวลาและทุกยุคสมัย
- เป็นความรู้ใหม่ๆที่เราอาจไม่เคยรู้ และคิดไม่ถึง ทรงเป็นคลังสติปัญญา ( คส. 2:3 เพื่อเขาจะได้รับความชูใจและเข้าติดสนิทกันในความรัก และเข้าใจความอุดมบริบูรณ์แห่งความเข้าใจ และเข้าในความรู้ความล้ำลึกของพระเจ้า คือพระคริสต์ 3ซึ่งคลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างทรงปิดซ่อนไว้ในพระองค์ ( โรม 16:27 โดยพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญูแต่องค์เดียวสืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน 11:33 โอพระปัญญาและความรอบรู้ของพระเจ้านั้น ล้ำลึกเท่าใด ข้อตัดสินของพระองค์นั้นเหลือที่จะหยั่งรู้ได้ และทางของพระองค์ก็เหลือที่จะสืบเสาะได้
///การประยุกต์ใช้ ......... พระเยซูทรงดึงดูดผู้คนโดยการสอน ให้ความรู้อันแท้จริง ไม่ปิดบัง ไม่ลดทอนความจริงแม้เขาอาจรับไม่ได้กับคำสอนของพระองค์ เช่น เรื่องการพิพากษา อื่นๆ
ดังนั้นเราก็สามารถดึงดูดผู้คนโดยการให้ความรู้ ข่าวประเสริฐ ข่าวดี เรื่องราวในพระคัมภีร์ เรื่องราวในอนาคต เรื่องราวในการดำเนินชีวิต การแก้ไขปัญหา และเรื่องความรัก ความรอด ความมั่นคงปลอดภัยของชีวิต ความรู้ในพระคัมภีร์เป็นความรู้แท้เพราะเป็นพระวจนะของพระเจ้าที่ดลใจ
และให้ความรู้และประโยชน์มากมาย ( 2ทธ 3:16-17 และตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถสอนท่านให้ถึงความรอดได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 16พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และ(หรือ ทุกตอนที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า ก็) เป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม 17เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง ) ในโลกนี้มีคริสเตียนเท่านั้นที่ให้ความรู้อันแท้จริง เช่น
- พวกเขายังเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีใครสร้าง , มนุษย์เกิดมาจากลิง , เวียนว่ายตายเกิด , ทำดี ทำบุญไปสวรรค์
- พวกเราสามารถดึงดูดผู้คนโดยให้ความรู้เหมือนพระเยซู
เช่น เปาโล , เปโตรเทศนา , สเทเฟ้นเล่าเรื่องพระคัมภีร์ , ฟิลิปอธิบายพระคัมภีร์ให้ขันทีฟัง , เปาโลสอนเรื่องพระเจ้าเที่ยงแท้ให้กับชาวกรุงเอเธน , สอนพระคัมภีร์แก่ชาวยิวในธรรมศาลา,
( กจ.2:14-42 6:8-15 7:1-60 8:26-40 17:1-34 18:24-28 )
- ปัจจุบันนี้เราสามารถทำได้และหลากหลายในการให้ความรู้ เช่น
การเรียนพระคัมภีร์เป็นกลุ่ม บทเรียนไปรษณีย์ และทางเวบไซด์ และทางหนังสืออื่นๆ
- ดังนั้นเราต้องมีการเรียนพระคัมภีร์ เรียนระวี ฟังคำเทศนา ร่วมสัมมนา ร่วมค่าย อื่นๆ
- แต่ปัญหา คือ เราไม่มีความรู้ เราไม่มารับความรู้ เราไม่ใส่ใจ เราไม่ยอมเสียเวลาศึกษาค้นคว้า
และปัญหา คือ เรารู้มากเกินไป และไม่มีการปฏิบัติจริง
- วันนี้เราจงดึงดูดคนโดยมีความรู้ให้กับเขา ทุกคนต้องการความรู้ ต้องการความจริง และคำตอบชีวิต
3. พระเยซูมีความรอดให้
- เป็นความรอดแท้ เป็นความรอดนิรันดร์ เป็นความรอดที่ร้อยเปอร์เซ็น
พระเยซูทรงเชื้อเชิญ ท้าทายให้คนเชื่อวางใจ เพื่อรับความรอด พ้นจากการพิพากษา
- พระเยซูมีความรอดให้ เพราะทรงเป็นพระเจ้า ผู้พิพากษา ผู้ช่วยให้รอด เครื่องบูชาไถ่บาป
( ยน1:29 14:6 3:16-20 10:10,28 ลก. 19:1-10 23: 39-42 )
เช่น พระเยซูทรงให้ความรอดกับศักเคียส , กับโจรที่กางเขน , และกับคนตรบอด คนผีเข้าสิงอื่นๆ
- เพราะเรื่องความรอดนี้เองจึงทำให้หลายคนหลั่งไหลเข้ามาและติดตามพระเยซู
/// พระเยซูทรงให้เรื่องความรอดเสมอในการสอน เชื้อเชิญท้าทายให้ตัดสินใจเชื่อ
- ทรงสอนทางรอดนั้นคับแคบ เพราะไปทางพระเจ้าไม่ใช่ทางของตนเอง มธ. 7:13-14
- ทรงสอนความรอดนั้นต้องทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าไม่ใช่ตามศาสนา 7:21-23
- ทรงสอนและสรุปการับความรอดเมื่อฟังแล้วตอบสนองอย่างไร
/ เชื่อ แต่ไม่มีการประพฤติ ไม่มีผล เชื่อแต่ปาก เชื่อปลอมๆ เชื่อแบบมาร (
ยก 2:17 ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล
2:19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นหนึ่ง นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อ และกลัวจนตัวสั่น
/ รับเชื่อ คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด 10ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด ( โรม10:9-10 ) ความรอดเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นที่สุด และทุกคนต้องการ
/// การประยุกต์ใช้ ....เราสามารถดึงดูดผู้คนโดยมีความรอดแท้ให้กับเขา ไม่ใช่ หกสิบ หรือ เก้าสิบเปอร์เซ็น - แม้ในกลุ่มคริสเตียนเองก็ไม่มีความรอดแท้จริงให้ เช่น รอดโดยพิธีบัพติศมา เป็นความเชื่อของกลุ่มคริสตจักรของพระคริสต์ จะมีปัญหามากกับพี่น้องชาวเขาทางภาคเหนือที่เข้าใจผิด และกลุ่มเซเวนเดย์สอนรอดโดยการประพฤติตามบัญญัติสิบประการ ก็ผิดเพราะไม่มีใครทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์ และกลุ่มคาทอลิกก็รอดโดยการทำพิธิกรรมให้ครบ และแล้วแต่บาทหลวงและสันตะปาปา ก็เป็นไปไม่ได้เพราะมนุษย์กับมนุษย์จะให้ความรอดไม่ได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น และ กลุ่มคาริสแมติคและกลุ่มความหวัง สอนว่าความรอดสูญหายได้เมื่อคริสเตียนทำบาปและพระวิญญาณจะออก และต้องรับเชื่อใหม่ บ่อยๆ
- เราต้องเอาความรอดเป็นจุดดึงดูดคนเข้ามา เพราะคนต้องการความรอดแน่นอน ไม่มีใครอยากตกนรก
และเราต้องอธิบายข่าวประเสริฐอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และเน้นเรารอดโดยพระคุณ ทางพระเยซู ไม่ใช่ทางการเป็รสมาชิกคริสตจักร หรือเป็นครอบครัวคริสเตียน พ่อแม่เป็นคริสเตียน ประเทศมีคริสเตียนเป็นศานาประจำชาติ ก็ไม่ช่วยให้ใครรอดได้ แต่คนที่เชื่อวางใจในพระเยซูจริงๆเท่านั้น
( อฟ 2:8-9 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ 9ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้)
สรุป...... พระเยซูทรงดึงดูดผู้คนเข้ามาหาพระองค์อย่างท่าทึ่งและอัศจรรย์ใจโดยใช้วิธีการง่ายๆ
1. มีความรักให้กับเขา
2. มีความรู้ให้กับเขา
3. มีความรอดให้กับเขา
- นี่คือจุดขาย จุดแข็ง จุดแตกต่างจากศาสนาและความเชื่ออื่นๆทั่วโลก ที่มีแค่สร้างภาพเท่านั้น
/ เพราะเขาไม่มีความรักแท้เหมือนพระเยซู
/ เพราะเขาไม่มีความรู้ ความจริงเหมือนพระเยซู
/ เพราะเขาไม่มีความรอดเหมือนพระเยซู และไม่มีใครเป็นผู้ช่วยให้รอดได้
( กจ 4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า” )
/ เพราะเขาไม่ใช่เจ้าของสวรรค์ จะช่วยให้อนุญาตให้เข้าสวรรค์ได้อย่างไร เราต้องรู้จักเจ้าของบ้าน เจ้าของสวรรค์ก่อนจึงจะเข้าไปได้ เช่น แม้เรารู้จักในหลวงแต่ในหลวงไม่อนุญาตเราก็เข้าวังไม่ได้
- ปัญหาทำคริสตจักรและคริสเตียนไม่ดึงดูดผู้คนหมือนพระเยซู
/ เพราะเราไม่ทำเหมือนพระเยซู เช่น มีความรักแค่ปาก ไม่เสียสละ ไม่มีการกระทำ
/ เพราะเราไม่ทำเหมือนพระเยซู ให้ความรู้จากความคิดของเรา ไม่ใช่จากพระคัมภีร์
และบางคนตีความหมายพระคัมภีร์ผิดๆ เพี้ยนๆ แผลงๆ เช่น พวกฟารีสีที่พระเยซูตำหนิ
ครั้งนั้นพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ออกจากกรุงเยรูซาเล็ม มาทูลถามพระเยซูว่า 2“ทำไมพวกสาวกของท่านจึงละเมิดคำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ด้วยว่าเขามิได้ล้างมือเมื่อรับประทานอาหาร” 3พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “เหตุไฉนพวกท่านจึงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า ด้วยเห็นแก่คำสอนที่พวกท่านรับมาจากบรรพบุรุษเล่า 4เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ว่า 'จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า' และ 'ผู้ใดประณามบิดามารดาจะต้องมีโทษถึงตาย' 5แต่พวกท่านกลับสอนว่า 'ผู้ใดจะกล่าวแก่บิดามารดาว่า “สิ่งใดของข้าพเจ้าซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่ท่าน สิ่งนั้นเป็นของถวายแด่พระเจ้าแล้ว” ผู้นั้นจึงไม่ต้องให้เกียรติบิดามารดาของตน' 6อย่างนั้นแหละ ท่านทั้งหลายทำให้ธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นหมันไป เพราะเห็นแก่คำสอนของพวกท่าน 7โอ คนหน้าซื่อใจคด อิสยาห์ได้พยากรณ์ถึงพวกท่านถูกแล้วว่า 8ประชาชนนี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของเขาห่างไกลจากเรา 9เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้ ด้วยเอาบทบัญญัติของมนุษย์มาตู่ว่า เป็นพระดำรัสสอนของพระเจ้า” ( มธ 15:1-9 )
- เพราะบางคนสอนเรื่องความรอดแต่ตัวเองก็ยังไม่รอด ไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ จะช่วยคนอื่นได้อย่างไร
- วันนี้ขอให้ชีวิตของเราทำตามอย่างพระเยซูเพื่อดึงดูดผู้คนเข้ามา ไม่ใช่ผลักเขาออกไป
โดยมีความรักให้เขา มีความรู้ให้เขา มีความรอดในพระเยซูให้เขา
ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพระพร
- จุดประสงค์เพื่อให้คริสเตียนได้เรียนแบบอย่างจากพระเยซูที่ดึงดูดผู้คนเข้ามาพระองค์
- คำนำ...... มีหลายคนที่หาวิธีสารพัดอย่างที่จะนำคนเข้ามาเชื่อพระเจ้าและเข้ามาคริสตจักร
เช่น สอนภาษาอังกฤษฟรี และ การนำเอาสิ่งที่ท้าทายเรื่องสนุกเรื่องตลกคลายเตรียดต่างๆ
บางคริสตจักรจ้างดารา จ้างตลก มีการแสดงมายากล และมีการโฆษณา อื่นๆ หรือ หานักร้องดังๆมาเป็นตัวล่อชวน แต่ก็ยังไม่สำเร็จเท่าที่ควร แต่บางคริสตจักรมีการใช้ของรางวัลล่อเช่นแจกข้าวสารแจกแว่นตา ให้ทุนการศึกษาอื่นๆ และบางแห่งมีการประกาศรักษาโรคเหมือนพระเยซูและเปาโล
แต่มีผลเสียคือคนที่ไม่หายก็ด่าและประจาน ดังนั้นเราต้องเรียนรู้จากพระเยซู
- เรื่อง ...... เคล็ดลับการดึงดูดผู้คนของพระเยซูคริสต์ ( มธ 5:1-12 )
/// พระเยซูทำอย่างไร และใช้วิธีอะไรจึงมีคนเข้ามาหาพระองค์อย่างเนื่องแน่น
/// พระเยซูทรงใช้เคล็ดลับ 3 ร.
พระเยซูมีความรักให้
- เป็นความรักที่จริงจัง จริงใจ ไม่มีอะไรแอบแฝง และไม่มีเงื่อนไข และบริสุทธิ์
เช่น บางครั้งพระเยซูแสดงความรักเมตตาและร้องไห้ ( มธ 9:36)
ทรงร้องไห้กับครอบครัวลาซารัส ( ยน 11:35-36)
- ทุกคนต้องการความรักแท้ และทุกคนหิวและโหยหาความรักเช่นนี้ ซึ่งในผู้อื่นไม่มี มีแต่ไม่เหมือน
พระเยซูคริสต์ ( พระเยซูทรงตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ที่รักฝูงแกะ ยน. 10:10-15 )
แต่พวกผู้นำศาสนาในเวลานั้น ไม่มีความรักให้ประชาชน แต่หาผลประโยชน์และอำนาจจากประชาชน ตาดำๆ ดังนั้นพระเยซูจึงมองเห็นสภาพพวกเขาเหมือนแกะไม่มีผู้เลี้ยง
- พระเยซูประทานความรักให้กับทุกคน สอนเรื่องความรักเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญที่สุด
เช่น ทรงให้ความรักกับคนบาปอย่างศักเคียส ( ลก.19:1-10)แม้เป็นคนที่สังคมรังเกียจ
เช่น ทรงให้ความรักกับโสเภณีหญิงชั่วที่บ่อน้ำและคนที่กำลังจะถูกหินขว้าง ( ยน 4: 8:1-11
ลก 7:36-50) แม้ยูดาสที่เป็นศัตรูก็ทรงให้ความรักและล้างเท้าให้ด้วย
พระเยซูทรงให้ความรักไม่จำกัดและให้หมดใจ แม้กับเด็กๆ หญิงแม้ และศัตรูคือพวกฟาริสี
และแม้แต่โจรผู้ร้ายบนไม้กางเขนก็ยังได้รับความรัก ( ลก23:39-41)
/// การประยุกต์ใช้..... ถ้าเราอยากให้คนเข้ามาคริสตจักรมากๆ เยอะๆ ต้องมีความรักให้เขาเหมือนพระเยซู เพราะโลกนี้เป็นโรคขาดความรัก เขากำลังหารักแท้ รักที่มั่นคง รักที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือ จากพระเยซูคริสต์ หรือ จากชีวิตของผู้เชื่อ คือคุณเอง เราให้ได้ทุกวัน ทุกเวลา เช่น การให้ความช่วยเหลือหรือน้ำจิตน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ในการซื้อน้ำดื่มเย็นๆให้ หรือกาแฟ หรือ ถามสารทุกข์สุขดิบ และทำสิ่งที่ดีให้เขา
เขาสามารถมองเห็นความรักของพระเยซูผ่านทางชีวิตของเรา เช่น คนที่มาที่โบสถ์มีเพื่อน มีการต้อนรับ
มีคนนั่งคุยคอยช่วยเปิดพระคัมภีร์ ไม่ปล่อยให้เขาเหงาคนเดียว เป็นความรักที่เขาสัมผัสและเห็นได้จริง
และเราต้องทำจากใจ ทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ต่อหน้าและลับหลัง คนจะแห่กันเข้ามาแน่นอน
เช่น คริสตจักรแรกในกรุงเยรูซาเล็ม ( กจ.2: 43-47) แบ่งปันความรัก ข้าวของ เงินทอง หนุนใจ อื่นๆ
- นี่เป็นโอกาสทองของเราที่เราจะสำแดงความรักต่อโลกที่กำลังโหยหิวความรัก
/ เพราะพวกเขาหนีเสือปะจระเข้ เพราะในกิจกรรมของศาสนาคือผลประโยชน์จากกระเป๋า
ของคนที่ เข้าไป และถูกหลอกลวง ถูกปล้น ถูกทำร้าย อื่นๆ
/ เราอย่าให้คริสตจักรหมดความรักของพระเจ้า โดยการแตกแยกกัน ทะเลาะกัน
และแบ่งชั้นวรรณะเหมือนคริสตจักรที่ท่านยากอบเขียนไปตักเตือน ( ยก2:1-7) และที่โครินธิ์ก็ขาดความรัก
และคดโกงกัน ฟ้องศาล และแบ่งพรรคแบ่งพวก ( 1 คร 1:10-13 3: 1-8 13:1-13) ดังนั้นเปาโลจึงเน้นและสอนเรื่องความรักเป็นสิ่งที่พวกเขาขาด พวกเขาละเลยมองข้าม เพราะไม่ใช่พวกดึงดูดคนเข้ามาแต่ผลักใสให้เขาออกไป คริสเตียนทุกคนก็เช่นกันต้องมีความรักของพระเยซูในชีวิต และสำแดง สัมผัสได้จริง
/ ผู้รับใช้บางคนหรือคริสเตียนบางคนมีความรักแค่ในคริสตจักรแต่นอกคริสตจักรไม่มี
มีตัวอย่างของครอบครัวนักเทศ วันหนึ่งภรรยาจึงหอบที่นอนหมอนมุ่งมานอนที่คริสตจักรและศิษยาภิบาลก็ถามภรรยาว่า ทำไมเอาที่นอนมานอนที่คริสตจักร ภรรยาตอบว่า เพราะว่าในคริสตจักรมีความรักแต่เมื่ออยู่ที่บ้านคุณไม่มีความรักให้เลย พี่น้องที่รักพระเยซูไม่ได้มีอะไรที่เราเองทำไม่ได้คือการสำแดงความรักเหมือนพระองค์ เป็นความรักที่จริงใจ จริงจัง และสัมผัสได้ ใจสัมผัสใจ พระเยซูยอมเสียสละ อดทน และปรารถนาดี ให้กับทุกคน และแม้เขาจะปฏิเสธความรักของพระองค์ และข่มเหง แต่ความรักก็จะทำให้เขาสำนึกผิดได้
/ วันนี้ขอให้คริสเตียนดึงดูดผู้คนด้วยความรักเหมือนพระเยซู
พระเยซูมีความรู้ให้ ( มธ 5: 6: 7: )
- พระเยซูทรงเป็นความจริง เป็นความสว่าง เป็นพระวาทะ เป็นสติปัญญา เป็นผู้กลาง
ดังนั้นในพระเยซูจึงมีความรู้มากมายทุกๆแง่มุมของชีวิต ทรงรู้อดีต อนาคต ปัจจุบัน
ดังนั้นมีหลายคนที่เรียกพระองค์ว่ารับบีแปลว่าครูหรืออาจารย์ผู้ประเสริฐ
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องเคล็ดลับความสุข 5:1-12
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการมีชีวิตที่มีอิทธิพลต่อโลกเหมือนเกลือและตะเกียง 5:13-16
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องพระบัญญัติและความเคารพยึดมั่น 5:17-20
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องความโกรธและการยกโทษคืนดีกัน 5:21-26
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการหย่าร้างและการผิดและล่วงประเวณี 5:27-32
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการตอบแทนการตอบโต้คนที่เอาเปรียบและศัตรู 5:38-48
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการบริจาค ทำทาน ถวายทรัพย์ที่ถูกต้อง 6:1-4
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการอธิษฐานและการถืออดอาหารอย่างไรจึงถูกต้อง 6:5-18 7:7-12
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องทรัพย์สมบัติที่ยั่งยืน และตาฝ่ายวิญญาณ 6:19-24
- พระเยซูทรงให้ความรู้และทางแก้ไขเรื่องความกระวนกระวายใจ วิตกกังวล 6:25-34
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการตัดสิน ต่อว่าผู้อื่น 7:1-6
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องหนทางแห่งความรอด ทางแห่งความจริง 7:13-27
/// เป็นความรู้ที่แท้จริง ใช้ได้จริง เป็นนามธรรมและรูปธรรม ใช้ได้ตลอดเวลาและทุกยุคสมัย
- เป็นความรู้ใหม่ๆที่เราอาจไม่เคยรู้ และคิดไม่ถึง ทรงเป็นคลังสติปัญญา ( คส. 2:3 เพื่อเขาจะได้รับความชูใจและเข้าติดสนิทกันในความรัก และเข้าใจความอุดมบริบูรณ์แห่งความเข้าใจ และเข้าในความรู้ความล้ำลึกของพระเจ้า คือพระคริสต์ 3ซึ่งคลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างทรงปิดซ่อนไว้ในพระองค์ ( โรม 16:27 โดยพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญูแต่องค์เดียวสืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน 11:33 โอพระปัญญาและความรอบรู้ของพระเจ้านั้น ล้ำลึกเท่าใด ข้อตัดสินของพระองค์นั้นเหลือที่จะหยั่งรู้ได้ และทางของพระองค์ก็เหลือที่จะสืบเสาะได้
///การประยุกต์ใช้ ......... พระเยซูทรงดึงดูดผู้คนโดยการสอน ให้ความรู้อันแท้จริง ไม่ปิดบัง ไม่ลดทอนความจริงแม้เขาอาจรับไม่ได้กับคำสอนของพระองค์ เช่น เรื่องการพิพากษา อื่นๆ
ดังนั้นเราก็สามารถดึงดูดผู้คนโดยการให้ความรู้ ข่าวประเสริฐ ข่าวดี เรื่องราวในพระคัมภีร์ เรื่องราวในอนาคต เรื่องราวในการดำเนินชีวิต การแก้ไขปัญหา และเรื่องความรัก ความรอด ความมั่นคงปลอดภัยของชีวิต ความรู้ในพระคัมภีร์เป็นความรู้แท้เพราะเป็นพระวจนะของพระเจ้าที่ดลใจ
และให้ความรู้และประโยชน์มากมาย ( 2ทธ 3:16-17 และตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถสอนท่านให้ถึงความรอดได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 16พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และ(หรือ ทุกตอนที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า ก็) เป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม 17เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง ) ในโลกนี้มีคริสเตียนเท่านั้นที่ให้ความรู้อันแท้จริง เช่น
- พวกเขายังเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีใครสร้าง , มนุษย์เกิดมาจากลิง , เวียนว่ายตายเกิด , ทำดี ทำบุญไปสวรรค์
- พวกเราสามารถดึงดูดผู้คนโดยให้ความรู้เหมือนพระเยซู
เช่น เปาโล , เปโตรเทศนา , สเทเฟ้นเล่าเรื่องพระคัมภีร์ , ฟิลิปอธิบายพระคัมภีร์ให้ขันทีฟัง , เปาโลสอนเรื่องพระเจ้าเที่ยงแท้ให้กับชาวกรุงเอเธน , สอนพระคัมภีร์แก่ชาวยิวในธรรมศาลา,
( กจ.2:14-42 6:8-15 7:1-60 8:26-40 17:1-34 18:24-28 )
- ปัจจุบันนี้เราสามารถทำได้และหลากหลายในการให้ความรู้ เช่น
การเรียนพระคัมภีร์เป็นกลุ่ม บทเรียนไปรษณีย์ และทางเวบไซด์ และทางหนังสืออื่นๆ
- ดังนั้นเราต้องมีการเรียนพระคัมภีร์ เรียนระวี ฟังคำเทศนา ร่วมสัมมนา ร่วมค่าย อื่นๆ
- แต่ปัญหา คือ เราไม่มีความรู้ เราไม่มารับความรู้ เราไม่ใส่ใจ เราไม่ยอมเสียเวลาศึกษาค้นคว้า
และปัญหา คือ เรารู้มากเกินไป และไม่มีการปฏิบัติจริง
- วันนี้เราจงดึงดูดคนโดยมีความรู้ให้กับเขา ทุกคนต้องการความรู้ ต้องการความจริง และคำตอบชีวิต
3. พระเยซูมีความรอดให้
- เป็นความรอดแท้ เป็นความรอดนิรันดร์ เป็นความรอดที่ร้อยเปอร์เซ็น
พระเยซูทรงเชื้อเชิญ ท้าทายให้คนเชื่อวางใจ เพื่อรับความรอด พ้นจากการพิพากษา
- พระเยซูมีความรอดให้ เพราะทรงเป็นพระเจ้า ผู้พิพากษา ผู้ช่วยให้รอด เครื่องบูชาไถ่บาป
( ยน1:29 14:6 3:16-20 10:10,28 ลก. 19:1-10 23: 39-42 )
เช่น พระเยซูทรงให้ความรอดกับศักเคียส , กับโจรที่กางเขน , และกับคนตรบอด คนผีเข้าสิงอื่นๆ
- เพราะเรื่องความรอดนี้เองจึงทำให้หลายคนหลั่งไหลเข้ามาและติดตามพระเยซู
/// พระเยซูทรงให้เรื่องความรอดเสมอในการสอน เชื้อเชิญท้าทายให้ตัดสินใจเชื่อ
- ทรงสอนทางรอดนั้นคับแคบ เพราะไปทางพระเจ้าไม่ใช่ทางของตนเอง มธ. 7:13-14
- ทรงสอนความรอดนั้นต้องทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าไม่ใช่ตามศาสนา 7:21-23
- ทรงสอนและสรุปการับความรอดเมื่อฟังแล้วตอบสนองอย่างไร
/ เชื่อ แต่ไม่มีการประพฤติ ไม่มีผล เชื่อแต่ปาก เชื่อปลอมๆ เชื่อแบบมาร (
ยก 2:17 ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล
2:19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นหนึ่ง นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อ และกลัวจนตัวสั่น
/ รับเชื่อ คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด 10ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด ( โรม10:9-10 ) ความรอดเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นที่สุด และทุกคนต้องการ
/// การประยุกต์ใช้ ....เราสามารถดึงดูดผู้คนโดยมีความรอดแท้ให้กับเขา ไม่ใช่ หกสิบ หรือ เก้าสิบเปอร์เซ็น - แม้ในกลุ่มคริสเตียนเองก็ไม่มีความรอดแท้จริงให้ เช่น รอดโดยพิธีบัพติศมา เป็นความเชื่อของกลุ่มคริสตจักรของพระคริสต์ จะมีปัญหามากกับพี่น้องชาวเขาทางภาคเหนือที่เข้าใจผิด และกลุ่มเซเวนเดย์สอนรอดโดยการประพฤติตามบัญญัติสิบประการ ก็ผิดเพราะไม่มีใครทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์ และกลุ่มคาทอลิกก็รอดโดยการทำพิธิกรรมให้ครบ และแล้วแต่บาทหลวงและสันตะปาปา ก็เป็นไปไม่ได้เพราะมนุษย์กับมนุษย์จะให้ความรอดไม่ได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น และ กลุ่มคาริสแมติคและกลุ่มความหวัง สอนว่าความรอดสูญหายได้เมื่อคริสเตียนทำบาปและพระวิญญาณจะออก และต้องรับเชื่อใหม่ บ่อยๆ
- เราต้องเอาความรอดเป็นจุดดึงดูดคนเข้ามา เพราะคนต้องการความรอดแน่นอน ไม่มีใครอยากตกนรก
และเราต้องอธิบายข่าวประเสริฐอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และเน้นเรารอดโดยพระคุณ ทางพระเยซู ไม่ใช่ทางการเป็รสมาชิกคริสตจักร หรือเป็นครอบครัวคริสเตียน พ่อแม่เป็นคริสเตียน ประเทศมีคริสเตียนเป็นศานาประจำชาติ ก็ไม่ช่วยให้ใครรอดได้ แต่คนที่เชื่อวางใจในพระเยซูจริงๆเท่านั้น
( อฟ 2:8-9 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ 9ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้)
สรุป...... พระเยซูทรงดึงดูดผู้คนเข้ามาหาพระองค์อย่างท่าทึ่งและอัศจรรย์ใจโดยใช้วิธีการง่ายๆ
1. มีความรักให้กับเขา
2. มีความรู้ให้กับเขา
3. มีความรอดให้กับเขา
- นี่คือจุดขาย จุดแข็ง จุดแตกต่างจากศาสนาและความเชื่ออื่นๆทั่วโลก ที่มีแค่สร้างภาพเท่านั้น
/ เพราะเขาไม่มีความรักแท้เหมือนพระเยซู
/ เพราะเขาไม่มีความรู้ ความจริงเหมือนพระเยซู
/ เพราะเขาไม่มีความรอดเหมือนพระเยซู และไม่มีใครเป็นผู้ช่วยให้รอดได้
( กจ 4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า” )
/ เพราะเขาไม่ใช่เจ้าของสวรรค์ จะช่วยให้อนุญาตให้เข้าสวรรค์ได้อย่างไร เราต้องรู้จักเจ้าของบ้าน เจ้าของสวรรค์ก่อนจึงจะเข้าไปได้ เช่น แม้เรารู้จักในหลวงแต่ในหลวงไม่อนุญาตเราก็เข้าวังไม่ได้
- ปัญหาทำคริสตจักรและคริสเตียนไม่ดึงดูดผู้คนหมือนพระเยซู
/ เพราะเราไม่ทำเหมือนพระเยซู เช่น มีความรักแค่ปาก ไม่เสียสละ ไม่มีการกระทำ
/ เพราะเราไม่ทำเหมือนพระเยซู ให้ความรู้จากความคิดของเรา ไม่ใช่จากพระคัมภีร์
และบางคนตีความหมายพระคัมภีร์ผิดๆ เพี้ยนๆ แผลงๆ เช่น พวกฟารีสีที่พระเยซูตำหนิ
ครั้งนั้นพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ออกจากกรุงเยรูซาเล็ม มาทูลถามพระเยซูว่า 2“ทำไมพวกสาวกของท่านจึงละเมิดคำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ด้วยว่าเขามิได้ล้างมือเมื่อรับประทานอาหาร” 3พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “เหตุไฉนพวกท่านจึงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า ด้วยเห็นแก่คำสอนที่พวกท่านรับมาจากบรรพบุรุษเล่า 4เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ว่า 'จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า' และ 'ผู้ใดประณามบิดามารดาจะต้องมีโทษถึงตาย' 5แต่พวกท่านกลับสอนว่า 'ผู้ใดจะกล่าวแก่บิดามารดาว่า “สิ่งใดของข้าพเจ้าซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่ท่าน สิ่งนั้นเป็นของถวายแด่พระเจ้าแล้ว” ผู้นั้นจึงไม่ต้องให้เกียรติบิดามารดาของตน' 6อย่างนั้นแหละ ท่านทั้งหลายทำให้ธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นหมันไป เพราะเห็นแก่คำสอนของพวกท่าน 7โอ คนหน้าซื่อใจคด อิสยาห์ได้พยากรณ์ถึงพวกท่านถูกแล้วว่า 8ประชาชนนี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของเขาห่างไกลจากเรา 9เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้ ด้วยเอาบทบัญญัติของมนุษย์มาตู่ว่า เป็นพระดำรัสสอนของพระเจ้า” ( มธ 15:1-9 )
- เพราะบางคนสอนเรื่องความรอดแต่ตัวเองก็ยังไม่รอด ไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ จะช่วยคนอื่นได้อย่างไร
- วันนี้ขอให้ชีวิตของเราทำตามอย่างพระเยซูเพื่อดึงดูดผู้คนเข้ามา ไม่ใช่ผลักเขาออกไป
โดยมีความรักให้เขา มีความรู้ให้เขา มีความรอดในพระเยซูให้เขา
ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพระพร
วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552
แจ้งค่ายพัทยาใกล้แล้ว
ค่ายพัทยาใกล้มาแล้ว รีบสมัครเร็วๆนะครับ หัวข้อค่ายปีนี้ คือ ก้าวไปด้วยกัน มีรถจากทางค่ายในปีนี้จะออกจาก ถนนนเกษตรนวมินทร์ ค.จ บางเขน เวลา 8:30 น. คนท่จะขึ้นต้องติดต่อผู้นำคริสตจักรก่อนนะครับเพื่อเช็คจำนวน และอย่าลืมเตรียมชุดกีฬาไปด้วยเตรียมให้พร้อมด้วยนะ และเตรียมพบพระพรและเพื่อนๆมากมายในค่ายครั้งนี้ 4-7 พฤภาคม ขอพระเจ้าอวยพระพร
คุณพร้อมหรือยัง
เทศนา อ. สมชิต แจ้งไพร
- จุดประสงค์ ...... เพื่อให้คริสเตียนเตรียมชีวิตให้พร้อม
- คำนำ ..... ความพร้อมเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก และพระเยซูทรงเตือนเสมอ ย้ำเสมอ
ให้พร้อม จงเตรียมพร้อม วันนี้คุณต้องพร้อม ถ้าไม่พร้อมจะเสียใจและเสียโอกาสทอง
- เรื่อง ...... จงเตรียมพร้อม ( คุณพร้อมหรือยัง )
/// มีอะไรบ้างที่เราจำเป็นต้องพร้อม 3 ป. ( โรม 12:1-2 )
1. เปลี่ยน ( พร้อมที่จะเปลี่ยน )
- คือ เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไปในทางที่ดี เปลี่ยนใหม่ พระเจ้าเรียกร้องให้เราเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่
พระเจ้าเข้ามาช่วยเราเพื่อจะเปลี่ยนแปลงเรา และสร้างเราใหม่
/ ตัวอย่าง ...... ศักเคียศ ลก.19:1-10 ยน 4: หญิงที่บ่อน้ำ ยอห์น ยากอบ ที่เมื่อก่อนใจร้อนมาก
/ เราจะเปลี่ยนได้อย่างไร โรม 12:1- 2 คือ การถวายตัว ยอมจำนน
/ ดังนั้น มีหลายคนที่อยาก ชนะบาป เปลี่ยน นิสัย สันดาร แต่เปลี่ยนไม่ได้เพราะ
ข้ามขั้นตอน คือ การถวายตัว เช่น คริสเตียนบางคน อยากรับบัพติศมา เพื่อจะทิ้งเหล้า ทิ้งเบียร ทิ้งบุหรี่ ทิ้งหมาก ทิ้งการพนัน ทิ้งหวย ทิ้งนิสัยเจ้าชู้ นินทาเก่ง ทำยังไงก็ทำไม่ได้
/ การประยุกต์ใช้ ...... เราจะถวายตัวได้อย่างไร
* เหมือนการถวายเครื่องบูชา คือ แกะ
- ยินดี เสียสละ ยอมเจ็บปวด ยอมทรมาน ยอมมอบให้
เช่น อับราฮัมถวายบุตรชาย และอิสอัคยอมเป็นเครื่องบูชา
- คือ เราไม่มีสิทธิ์ในตัวของเราอีกแล้ว ยอมเป็นของพระเจ้า
* ทำไมคริสเตียนถวายตัวแล้วชีวิตยังไม่เปลี่ยนและกลับแย่ลง
- เพราะถวายแต่ปาก เช่น ปากสัญญา แต่ ใจขัดขืน
- เพราะถวายเพราะอารมณ์พาไป และบรรยากาศ เช่น ค่าย สัมมนา หนัง อื่นๆ
- เพราะถวายแค่ในโบสถ์ แต่นอกโบสถ์ก็เหมือนเดิม
- เพราะถวายแค่วันอาทิตย์วันอื่นๆก็ เป็นของฉัน ของผม
- เพราะถวายแล้วก็เอาคืน
- เพราะถวายเพราะเกรงใจ ผู้รับใช้ อื่นๆ
/ เราทุกคนต้องต่อสู้ ต้องอดทน ต้องยอมจำนนถวายจริงๆ จึงจะเปลี่ยนแปลง
เช่น ศักเคียส , หญิงที่เกาหลีที่ขายเหล้า , และชีวิตของเราทุกคน ต้องทำส่วนของเรา
- เป็นไปไม่ได้ที่ลูกของพระเจ้าไม่มีอะไรเปลียนแปลงจากชีวิตเดิม
2 คร 5:17 ผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ จะถูกสร้างใหม่ และเปลี่ยนใหม่ แน่นอน
- วันนี้ขอพระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิต นิสัน อุปนิสัยของเรา จากใจร้อนให้ใจเย็น
จากมาสายให้มาเช้า จากชอบยืมเป็นชอบให้ จากขี้บ่นเป็นหนุนใจ อื่นๆ
2. ประกาศ ( พร้อมที่จะประกาศ เป็นพยาน ) 1ปต 3:15
- เราต้องพร้อมที่จะเป็นพยาน พร้อมประกาศข่าวประเสริฐ
1. พร้อมเป็นพยานด้วยชีวิต
- คือเป็นได้ทันที เป็นได้อย่างมีพลัง
เช่น โยเซฟ , ดาเนียล , เปาโล ,ศักเคียส ,
เช่น ชีวิตคุณเองที่เพื่อนๆจะเห็น คนในครอบครัว ในโรงเรียน ที่ทำงานจะเห็น
ความแตกต่าง ความสว่าง ความรักของพระเจ้าในชีวิตของเรา
( เมื่อผมเป็นคริสเตียนผมเลิกทุกอย่างและหลายคนก็จะเห็นได้ )
2. พร้อมเป็นพยานด้วยพระวจนะ
- คือ เราต้องรู้พระคัมภีร์ โดยการอ่าน การฟัง การเรียน ฟังเทศนา จดบันทึก
- เพื่อเราจะตอบได้ อธิบายได้ว่า เป็นคริสเตียนเพราะอะไร เป็นได้อย่างไร
เป็นแล้วได้อะไร เป็นแล้วดีอย่างไร
- เราสามารถ เรียนได้หลายวิธี ทางสัมมนา ระวี กลุ่มเซล และทางประสบการณ์
ทางเวบ ทางอินเตอร์เน็ต ทางเทป ทางวิทยุ ทางทีวี อื่นๆ ( เราแก้ตัวไม่ได้)
/ ประยุกต์ใช้ ....... เราได้รับคำสั่งให้เป็นพยาน เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพื่อเป็นพยาน
- เราต้องพร้อม เราต้องรับผิดชอบ เราอย่าโยนความรับผิดชอบ เราอย่าปัดความรับผิดชอบ เราอย่าหาข้ออ้าง เราอย่าหาข้อแก้ตัว ( ฟังไม่ขึ้น )
เช่น เปาโลกล่าวว่า เขาเป็นหนี้คนบาป ( โรม 1:14-17 )
เช่น เปาโลกล่าว ถ้าไม่เป็นพยานจะวิบัติ ( 1คร 9:16 )
เช่น เปโตรกล่าว เราต้องเตรียมพร้อมเสมอเพื่อจะตอบทุกๆคน
- ทำไมเราไม่พร้อม ไม่กล้าเป็นพยาน ไม่เคยเป็นพยาน
1. เพราะยังไม่รับความรอด ไม่มีพระวิญญาณ
2. เพราะไม่อ่านพระคัมภีร์ ไม่เคยเรียนพระคัมภีร์ เรียนระวี อื่นๆสัมนา
3. เพราะกลัว วิตกกังวล ( เช่น ผมเป็นพยานกับยาย )
4. เพราะคนอื่นๆก็ไม่ทำ แม้ผู้รับใช้เองก็ไม่เคยเห็นเป็นพยานหรือแจกใบปลิวเลย
5. เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ได้ยังมีเวลา อื่นๆ
- วันนี้เราต้องพร้อม ต้องเตรียม และวันหนึ่งเราต้องตอบพระเจ้าและตอบ
คนอื่นๆ เช่น ลูกรู้ทำไมไม่บอกพ่อ แม่ ยาย พี่ๆ เพื่อนๆ อื่นๆ
3. ไป ( พร้อมที่จะไปสวรรค์กับพระเยซู ) ( 1ปต 3:10 1คร 15:51-52 1ธส 4:13-18)
- นี่เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากที่สุด เราต้องพร้อมที่จะถูกรับไปกับพระเยซู
เช่น พระเยซูบอกว่าจะมาเหมือนขโมย , จะมาเหมือนสมัยโนอาห์ ,จะมีคนที่ถูกรับและถูกละ
เช่น พระเยซูทรง ยกตัวอย่าง หญิงพรมจารี สิบคน โง่ห้าคน ฉลาดห้าคน คือ คนที่พร้อมและไม่พร้อม
คือ คนที่เตรียมกับคนที่ไม่เตรียม คนที่ตื่นกับคนที่หลับ
- ประยุกต์ใช้ ..... พระเยซูบอกสัญญาณ สัญลักษณ์ของยุคสุดท้าย สิบประการ ( ฉาย ยุคสุดท้าย)
/ คนที่อยู่ในคริสตจักรก็มีคนที่ถูกละ ไม่ได้ไปด้วย
/ คนที่เราคิดว่าเป็นคริสเตียน แต่วันนั้นอาจถูกละ ( เป็นคริสเตียนเพราะพ่อแม่ ศาสนา อื่นๆ)
พระเยซูทรงตรัสในมัทธิว 7:21-24 เราไม่รู้จักเจ้าเลย )
/ อย่าอายที่จะกลับใจรับเชื่อจริงๆเดี๋ยวนี้ ดีกว่าพินาศตกในนรกเป็นนิตย์
/ ผมหวังว่า ผู้รับใช้หวังว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี้จะถูกรับขึ้นไปด้วยกัน
สรุป....... คุณพร้อมหรือยัง ที่จะเปลี่ยน ที่จะประกาศ ที่จะไปสวรรค์
ดังนั้นจงรับเชื่อ ไม่ใช่เชื่อ จงถวายตัวไม่ใช่ถวายปาก จงพร้อมจะถูกรับไม่ใช่ถูกละ
/ วันนี้พระเจ้าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ เพียงแต่คุณต้องยอมถวายและยอมให้พระองค์เปลี่ยน
/วันนี้พระเจ้าพร้อมที่จะประกาศกับคุณเสมอ เพียงคุณยอมเป็นปากให้พระองค์
/ วันนี้พระเจ้าพร้อมที่จะให้คุณไปกับพระองค์ เพียงแต่คุณต้องรับเชื่อ กลับใจใหม่จริงๆ
/ วันนี้เป็นวันที่พระเจ้าทรงเตือนเราให้เตรียมพร้อมเพื่อเป็นพระพร และอยู่กับพระองค์เป็นนิตย์นิรันดร์
/ คำถามสำหรับเราในวันนี้
1. เราปรารถนาอยากให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงเราหรือไม่
2. เราปรารถนาอยากประกาศข่าวประเสริฐหรือไม่
3. เราปรารถนาอยากไปอยู่กับพระเจ้าที่สวรรค์หรือไม่ ( อย่าเหมือน หมากับแมว )
/ วันนี้ยังไม่สายเกินไปที่เราจะเปลี่ยน ประกาศ ไปสวรรค์กับพระองค์ ( 3 ป )
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพร
- จุดประสงค์ ...... เพื่อให้คริสเตียนเตรียมชีวิตให้พร้อม
- คำนำ ..... ความพร้อมเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก และพระเยซูทรงเตือนเสมอ ย้ำเสมอ
ให้พร้อม จงเตรียมพร้อม วันนี้คุณต้องพร้อม ถ้าไม่พร้อมจะเสียใจและเสียโอกาสทอง
- เรื่อง ...... จงเตรียมพร้อม ( คุณพร้อมหรือยัง )
/// มีอะไรบ้างที่เราจำเป็นต้องพร้อม 3 ป. ( โรม 12:1-2 )
1. เปลี่ยน ( พร้อมที่จะเปลี่ยน )
- คือ เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไปในทางที่ดี เปลี่ยนใหม่ พระเจ้าเรียกร้องให้เราเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่
พระเจ้าเข้ามาช่วยเราเพื่อจะเปลี่ยนแปลงเรา และสร้างเราใหม่
/ ตัวอย่าง ...... ศักเคียศ ลก.19:1-10 ยน 4: หญิงที่บ่อน้ำ ยอห์น ยากอบ ที่เมื่อก่อนใจร้อนมาก
/ เราจะเปลี่ยนได้อย่างไร โรม 12:1- 2 คือ การถวายตัว ยอมจำนน
/ ดังนั้น มีหลายคนที่อยาก ชนะบาป เปลี่ยน นิสัย สันดาร แต่เปลี่ยนไม่ได้เพราะ
ข้ามขั้นตอน คือ การถวายตัว เช่น คริสเตียนบางคน อยากรับบัพติศมา เพื่อจะทิ้งเหล้า ทิ้งเบียร ทิ้งบุหรี่ ทิ้งหมาก ทิ้งการพนัน ทิ้งหวย ทิ้งนิสัยเจ้าชู้ นินทาเก่ง ทำยังไงก็ทำไม่ได้
/ การประยุกต์ใช้ ...... เราจะถวายตัวได้อย่างไร
* เหมือนการถวายเครื่องบูชา คือ แกะ
- ยินดี เสียสละ ยอมเจ็บปวด ยอมทรมาน ยอมมอบให้
เช่น อับราฮัมถวายบุตรชาย และอิสอัคยอมเป็นเครื่องบูชา
- คือ เราไม่มีสิทธิ์ในตัวของเราอีกแล้ว ยอมเป็นของพระเจ้า
* ทำไมคริสเตียนถวายตัวแล้วชีวิตยังไม่เปลี่ยนและกลับแย่ลง
- เพราะถวายแต่ปาก เช่น ปากสัญญา แต่ ใจขัดขืน
- เพราะถวายเพราะอารมณ์พาไป และบรรยากาศ เช่น ค่าย สัมมนา หนัง อื่นๆ
- เพราะถวายแค่ในโบสถ์ แต่นอกโบสถ์ก็เหมือนเดิม
- เพราะถวายแค่วันอาทิตย์วันอื่นๆก็ เป็นของฉัน ของผม
- เพราะถวายแล้วก็เอาคืน
- เพราะถวายเพราะเกรงใจ ผู้รับใช้ อื่นๆ
/ เราทุกคนต้องต่อสู้ ต้องอดทน ต้องยอมจำนนถวายจริงๆ จึงจะเปลี่ยนแปลง
เช่น ศักเคียส , หญิงที่เกาหลีที่ขายเหล้า , และชีวิตของเราทุกคน ต้องทำส่วนของเรา
- เป็นไปไม่ได้ที่ลูกของพระเจ้าไม่มีอะไรเปลียนแปลงจากชีวิตเดิม
2 คร 5:17 ผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ จะถูกสร้างใหม่ และเปลี่ยนใหม่ แน่นอน
- วันนี้ขอพระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิต นิสัน อุปนิสัยของเรา จากใจร้อนให้ใจเย็น
จากมาสายให้มาเช้า จากชอบยืมเป็นชอบให้ จากขี้บ่นเป็นหนุนใจ อื่นๆ
2. ประกาศ ( พร้อมที่จะประกาศ เป็นพยาน ) 1ปต 3:15
- เราต้องพร้อมที่จะเป็นพยาน พร้อมประกาศข่าวประเสริฐ
1. พร้อมเป็นพยานด้วยชีวิต
- คือเป็นได้ทันที เป็นได้อย่างมีพลัง
เช่น โยเซฟ , ดาเนียล , เปาโล ,ศักเคียส ,
เช่น ชีวิตคุณเองที่เพื่อนๆจะเห็น คนในครอบครัว ในโรงเรียน ที่ทำงานจะเห็น
ความแตกต่าง ความสว่าง ความรักของพระเจ้าในชีวิตของเรา
( เมื่อผมเป็นคริสเตียนผมเลิกทุกอย่างและหลายคนก็จะเห็นได้ )
2. พร้อมเป็นพยานด้วยพระวจนะ
- คือ เราต้องรู้พระคัมภีร์ โดยการอ่าน การฟัง การเรียน ฟังเทศนา จดบันทึก
- เพื่อเราจะตอบได้ อธิบายได้ว่า เป็นคริสเตียนเพราะอะไร เป็นได้อย่างไร
เป็นแล้วได้อะไร เป็นแล้วดีอย่างไร
- เราสามารถ เรียนได้หลายวิธี ทางสัมมนา ระวี กลุ่มเซล และทางประสบการณ์
ทางเวบ ทางอินเตอร์เน็ต ทางเทป ทางวิทยุ ทางทีวี อื่นๆ ( เราแก้ตัวไม่ได้)
/ ประยุกต์ใช้ ....... เราได้รับคำสั่งให้เป็นพยาน เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพื่อเป็นพยาน
- เราต้องพร้อม เราต้องรับผิดชอบ เราอย่าโยนความรับผิดชอบ เราอย่าปัดความรับผิดชอบ เราอย่าหาข้ออ้าง เราอย่าหาข้อแก้ตัว ( ฟังไม่ขึ้น )
เช่น เปาโลกล่าวว่า เขาเป็นหนี้คนบาป ( โรม 1:14-17 )
เช่น เปาโลกล่าว ถ้าไม่เป็นพยานจะวิบัติ ( 1คร 9:16 )
เช่น เปโตรกล่าว เราต้องเตรียมพร้อมเสมอเพื่อจะตอบทุกๆคน
- ทำไมเราไม่พร้อม ไม่กล้าเป็นพยาน ไม่เคยเป็นพยาน
1. เพราะยังไม่รับความรอด ไม่มีพระวิญญาณ
2. เพราะไม่อ่านพระคัมภีร์ ไม่เคยเรียนพระคัมภีร์ เรียนระวี อื่นๆสัมนา
3. เพราะกลัว วิตกกังวล ( เช่น ผมเป็นพยานกับยาย )
4. เพราะคนอื่นๆก็ไม่ทำ แม้ผู้รับใช้เองก็ไม่เคยเห็นเป็นพยานหรือแจกใบปลิวเลย
5. เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ได้ยังมีเวลา อื่นๆ
- วันนี้เราต้องพร้อม ต้องเตรียม และวันหนึ่งเราต้องตอบพระเจ้าและตอบ
คนอื่นๆ เช่น ลูกรู้ทำไมไม่บอกพ่อ แม่ ยาย พี่ๆ เพื่อนๆ อื่นๆ
3. ไป ( พร้อมที่จะไปสวรรค์กับพระเยซู ) ( 1ปต 3:10 1คร 15:51-52 1ธส 4:13-18)
- นี่เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากที่สุด เราต้องพร้อมที่จะถูกรับไปกับพระเยซู
เช่น พระเยซูบอกว่าจะมาเหมือนขโมย , จะมาเหมือนสมัยโนอาห์ ,จะมีคนที่ถูกรับและถูกละ
เช่น พระเยซูทรง ยกตัวอย่าง หญิงพรมจารี สิบคน โง่ห้าคน ฉลาดห้าคน คือ คนที่พร้อมและไม่พร้อม
คือ คนที่เตรียมกับคนที่ไม่เตรียม คนที่ตื่นกับคนที่หลับ
- ประยุกต์ใช้ ..... พระเยซูบอกสัญญาณ สัญลักษณ์ของยุคสุดท้าย สิบประการ ( ฉาย ยุคสุดท้าย)
/ คนที่อยู่ในคริสตจักรก็มีคนที่ถูกละ ไม่ได้ไปด้วย
/ คนที่เราคิดว่าเป็นคริสเตียน แต่วันนั้นอาจถูกละ ( เป็นคริสเตียนเพราะพ่อแม่ ศาสนา อื่นๆ)
พระเยซูทรงตรัสในมัทธิว 7:21-24 เราไม่รู้จักเจ้าเลย )
/ อย่าอายที่จะกลับใจรับเชื่อจริงๆเดี๋ยวนี้ ดีกว่าพินาศตกในนรกเป็นนิตย์
/ ผมหวังว่า ผู้รับใช้หวังว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี้จะถูกรับขึ้นไปด้วยกัน
สรุป....... คุณพร้อมหรือยัง ที่จะเปลี่ยน ที่จะประกาศ ที่จะไปสวรรค์
ดังนั้นจงรับเชื่อ ไม่ใช่เชื่อ จงถวายตัวไม่ใช่ถวายปาก จงพร้อมจะถูกรับไม่ใช่ถูกละ
/ วันนี้พระเจ้าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ เพียงแต่คุณต้องยอมถวายและยอมให้พระองค์เปลี่ยน
/วันนี้พระเจ้าพร้อมที่จะประกาศกับคุณเสมอ เพียงคุณยอมเป็นปากให้พระองค์
/ วันนี้พระเจ้าพร้อมที่จะให้คุณไปกับพระองค์ เพียงแต่คุณต้องรับเชื่อ กลับใจใหม่จริงๆ
/ วันนี้เป็นวันที่พระเจ้าทรงเตือนเราให้เตรียมพร้อมเพื่อเป็นพระพร และอยู่กับพระองค์เป็นนิตย์นิรันดร์
/ คำถามสำหรับเราในวันนี้
1. เราปรารถนาอยากให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงเราหรือไม่
2. เราปรารถนาอยากประกาศข่าวประเสริฐหรือไม่
3. เราปรารถนาอยากไปอยู่กับพระเจ้าที่สวรรค์หรือไม่ ( อย่าเหมือน หมากับแมว )
/ วันนี้ยังไม่สายเกินไปที่เราจะเปลี่ยน ประกาศ ไปสวรรค์กับพระองค์ ( 3 ป )
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
เกี่ยวกับฉัน
- คริสเตียนไทยรับใช้พระเจ้า
- พวกเราเป็นกลุ่มคริสตจักรท่มีความเชื่อตามหลักของพระคัมภีร์อย่างเคร่งครัด เราเชื่อว่า เรารอดโดยพระคุณพระเจ้า และเชื่อในตรีเอกานุภาพ และพระคัมภีร์66เล่มเป็นการดลใจจากพระเจ้าและไม่มีความผิดพลาดของต้นฉบับ และพระวจนะของพระเจ้าเป็นแหล่งชีวิตและความจริง เป็นหนังสือท่ช่วยในการดำเนินชีวิตประจำวัน เราเชื่อว่าเมื่อเราเชื่อในพระองค์เราได้รับองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ในทันใดนั้น เพราะทรงประทับตราเรา ( เอเฟซัส 1:13-14)