เทศนา โดย อ. สมชิต แจ้งไพร
- จุดประสงค์เพื่อให้คริสเตียนได้เรียนแบบอย่างจากพระเยซูที่ดึงดูดผู้คนเข้ามาพระองค์
- คำนำ...... มีหลายคนที่หาวิธีสารพัดอย่างที่จะนำคนเข้ามาเชื่อพระเจ้าและเข้ามาคริสตจักร
เช่น สอนภาษาอังกฤษฟรี และ การนำเอาสิ่งที่ท้าทายเรื่องสนุกเรื่องตลกคลายเตรียดต่างๆ
บางคริสตจักรจ้างดารา จ้างตลก มีการแสดงมายากล และมีการโฆษณา อื่นๆ หรือ หานักร้องดังๆมาเป็นตัวล่อชวน แต่ก็ยังไม่สำเร็จเท่าที่ควร แต่บางคริสตจักรมีการใช้ของรางวัลล่อเช่นแจกข้าวสารแจกแว่นตา ให้ทุนการศึกษาอื่นๆ และบางแห่งมีการประกาศรักษาโรคเหมือนพระเยซูและเปาโล
แต่มีผลเสียคือคนที่ไม่หายก็ด่าและประจาน ดังนั้นเราต้องเรียนรู้จากพระเยซู
- เรื่อง ...... เคล็ดลับการดึงดูดผู้คนของพระเยซูคริสต์ ( มธ 5:1-12 )
/// พระเยซูทำอย่างไร และใช้วิธีอะไรจึงมีคนเข้ามาหาพระองค์อย่างเนื่องแน่น
/// พระเยซูทรงใช้เคล็ดลับ 3 ร.
พระเยซูมีความรักให้
- เป็นความรักที่จริงจัง จริงใจ ไม่มีอะไรแอบแฝง และไม่มีเงื่อนไข และบริสุทธิ์
เช่น บางครั้งพระเยซูแสดงความรักเมตตาและร้องไห้ ( มธ 9:36)
ทรงร้องไห้กับครอบครัวลาซารัส ( ยน 11:35-36)
- ทุกคนต้องการความรักแท้ และทุกคนหิวและโหยหาความรักเช่นนี้ ซึ่งในผู้อื่นไม่มี มีแต่ไม่เหมือน
พระเยซูคริสต์ ( พระเยซูทรงตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ที่รักฝูงแกะ ยน. 10:10-15 )
แต่พวกผู้นำศาสนาในเวลานั้น ไม่มีความรักให้ประชาชน แต่หาผลประโยชน์และอำนาจจากประชาชน ตาดำๆ ดังนั้นพระเยซูจึงมองเห็นสภาพพวกเขาเหมือนแกะไม่มีผู้เลี้ยง
- พระเยซูประทานความรักให้กับทุกคน สอนเรื่องความรักเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญที่สุด
เช่น ทรงให้ความรักกับคนบาปอย่างศักเคียส ( ลก.19:1-10)แม้เป็นคนที่สังคมรังเกียจ
เช่น ทรงให้ความรักกับโสเภณีหญิงชั่วที่บ่อน้ำและคนที่กำลังจะถูกหินขว้าง ( ยน 4: 8:1-11
ลก 7:36-50) แม้ยูดาสที่เป็นศัตรูก็ทรงให้ความรักและล้างเท้าให้ด้วย
พระเยซูทรงให้ความรักไม่จำกัดและให้หมดใจ แม้กับเด็กๆ หญิงแม้ และศัตรูคือพวกฟาริสี
และแม้แต่โจรผู้ร้ายบนไม้กางเขนก็ยังได้รับความรัก ( ลก23:39-41)
/// การประยุกต์ใช้..... ถ้าเราอยากให้คนเข้ามาคริสตจักรมากๆ เยอะๆ ต้องมีความรักให้เขาเหมือนพระเยซู เพราะโลกนี้เป็นโรคขาดความรัก เขากำลังหารักแท้ รักที่มั่นคง รักที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือ จากพระเยซูคริสต์ หรือ จากชีวิตของผู้เชื่อ คือคุณเอง เราให้ได้ทุกวัน ทุกเวลา เช่น การให้ความช่วยเหลือหรือน้ำจิตน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ในการซื้อน้ำดื่มเย็นๆให้ หรือกาแฟ หรือ ถามสารทุกข์สุขดิบ และทำสิ่งที่ดีให้เขา
เขาสามารถมองเห็นความรักของพระเยซูผ่านทางชีวิตของเรา เช่น คนที่มาที่โบสถ์มีเพื่อน มีการต้อนรับ
มีคนนั่งคุยคอยช่วยเปิดพระคัมภีร์ ไม่ปล่อยให้เขาเหงาคนเดียว เป็นความรักที่เขาสัมผัสและเห็นได้จริง
และเราต้องทำจากใจ ทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ต่อหน้าและลับหลัง คนจะแห่กันเข้ามาแน่นอน
เช่น คริสตจักรแรกในกรุงเยรูซาเล็ม ( กจ.2: 43-47) แบ่งปันความรัก ข้าวของ เงินทอง หนุนใจ อื่นๆ
- นี่เป็นโอกาสทองของเราที่เราจะสำแดงความรักต่อโลกที่กำลังโหยหิวความรัก
/ เพราะพวกเขาหนีเสือปะจระเข้ เพราะในกิจกรรมของศาสนาคือผลประโยชน์จากกระเป๋า
ของคนที่ เข้าไป และถูกหลอกลวง ถูกปล้น ถูกทำร้าย อื่นๆ
/ เราอย่าให้คริสตจักรหมดความรักของพระเจ้า โดยการแตกแยกกัน ทะเลาะกัน
และแบ่งชั้นวรรณะเหมือนคริสตจักรที่ท่านยากอบเขียนไปตักเตือน ( ยก2:1-7) และที่โครินธิ์ก็ขาดความรัก
และคดโกงกัน ฟ้องศาล และแบ่งพรรคแบ่งพวก ( 1 คร 1:10-13 3: 1-8 13:1-13) ดังนั้นเปาโลจึงเน้นและสอนเรื่องความรักเป็นสิ่งที่พวกเขาขาด พวกเขาละเลยมองข้าม เพราะไม่ใช่พวกดึงดูดคนเข้ามาแต่ผลักใสให้เขาออกไป คริสเตียนทุกคนก็เช่นกันต้องมีความรักของพระเยซูในชีวิต และสำแดง สัมผัสได้จริง
/ ผู้รับใช้บางคนหรือคริสเตียนบางคนมีความรักแค่ในคริสตจักรแต่นอกคริสตจักรไม่มี
มีตัวอย่างของครอบครัวนักเทศ วันหนึ่งภรรยาจึงหอบที่นอนหมอนมุ่งมานอนที่คริสตจักรและศิษยาภิบาลก็ถามภรรยาว่า ทำไมเอาที่นอนมานอนที่คริสตจักร ภรรยาตอบว่า เพราะว่าในคริสตจักรมีความรักแต่เมื่ออยู่ที่บ้านคุณไม่มีความรักให้เลย พี่น้องที่รักพระเยซูไม่ได้มีอะไรที่เราเองทำไม่ได้คือการสำแดงความรักเหมือนพระองค์ เป็นความรักที่จริงใจ จริงจัง และสัมผัสได้ ใจสัมผัสใจ พระเยซูยอมเสียสละ อดทน และปรารถนาดี ให้กับทุกคน และแม้เขาจะปฏิเสธความรักของพระองค์ และข่มเหง แต่ความรักก็จะทำให้เขาสำนึกผิดได้
/ วันนี้ขอให้คริสเตียนดึงดูดผู้คนด้วยความรักเหมือนพระเยซู
พระเยซูมีความรู้ให้ ( มธ 5: 6: 7: )
- พระเยซูทรงเป็นความจริง เป็นความสว่าง เป็นพระวาทะ เป็นสติปัญญา เป็นผู้กลาง
ดังนั้นในพระเยซูจึงมีความรู้มากมายทุกๆแง่มุมของชีวิต ทรงรู้อดีต อนาคต ปัจจุบัน
ดังนั้นมีหลายคนที่เรียกพระองค์ว่ารับบีแปลว่าครูหรืออาจารย์ผู้ประเสริฐ
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องเคล็ดลับความสุข 5:1-12
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการมีชีวิตที่มีอิทธิพลต่อโลกเหมือนเกลือและตะเกียง 5:13-16
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องพระบัญญัติและความเคารพยึดมั่น 5:17-20
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องความโกรธและการยกโทษคืนดีกัน 5:21-26
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการหย่าร้างและการผิดและล่วงประเวณี 5:27-32
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการตอบแทนการตอบโต้คนที่เอาเปรียบและศัตรู 5:38-48
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการบริจาค ทำทาน ถวายทรัพย์ที่ถูกต้อง 6:1-4
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการอธิษฐานและการถืออดอาหารอย่างไรจึงถูกต้อง 6:5-18 7:7-12
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องทรัพย์สมบัติที่ยั่งยืน และตาฝ่ายวิญญาณ 6:19-24
- พระเยซูทรงให้ความรู้และทางแก้ไขเรื่องความกระวนกระวายใจ วิตกกังวล 6:25-34
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องการตัดสิน ต่อว่าผู้อื่น 7:1-6
- พระเยซูทรงให้ความรู้เรื่องหนทางแห่งความรอด ทางแห่งความจริง 7:13-27
/// เป็นความรู้ที่แท้จริง ใช้ได้จริง เป็นนามธรรมและรูปธรรม ใช้ได้ตลอดเวลาและทุกยุคสมัย
- เป็นความรู้ใหม่ๆที่เราอาจไม่เคยรู้ และคิดไม่ถึง ทรงเป็นคลังสติปัญญา ( คส. 2:3 เพื่อเขาจะได้รับความชูใจและเข้าติดสนิทกันในความรัก และเข้าใจความอุดมบริบูรณ์แห่งความเข้าใจ และเข้าในความรู้ความล้ำลึกของพระเจ้า คือพระคริสต์ 3ซึ่งคลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างทรงปิดซ่อนไว้ในพระองค์ ( โรม 16:27 โดยพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญูแต่องค์เดียวสืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน 11:33 โอพระปัญญาและความรอบรู้ของพระเจ้านั้น ล้ำลึกเท่าใด ข้อตัดสินของพระองค์นั้นเหลือที่จะหยั่งรู้ได้ และทางของพระองค์ก็เหลือที่จะสืบเสาะได้
///การประยุกต์ใช้ ......... พระเยซูทรงดึงดูดผู้คนโดยการสอน ให้ความรู้อันแท้จริง ไม่ปิดบัง ไม่ลดทอนความจริงแม้เขาอาจรับไม่ได้กับคำสอนของพระองค์ เช่น เรื่องการพิพากษา อื่นๆ
ดังนั้นเราก็สามารถดึงดูดผู้คนโดยการให้ความรู้ ข่าวประเสริฐ ข่าวดี เรื่องราวในพระคัมภีร์ เรื่องราวในอนาคต เรื่องราวในการดำเนินชีวิต การแก้ไขปัญหา และเรื่องความรัก ความรอด ความมั่นคงปลอดภัยของชีวิต ความรู้ในพระคัมภีร์เป็นความรู้แท้เพราะเป็นพระวจนะของพระเจ้าที่ดลใจ
และให้ความรู้และประโยชน์มากมาย ( 2ทธ 3:16-17 และตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถสอนท่านให้ถึงความรอดได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 16พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และ(หรือ ทุกตอนที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า ก็) เป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม 17เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง ) ในโลกนี้มีคริสเตียนเท่านั้นที่ให้ความรู้อันแท้จริง เช่น
- พวกเขายังเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีใครสร้าง , มนุษย์เกิดมาจากลิง , เวียนว่ายตายเกิด , ทำดี ทำบุญไปสวรรค์
- พวกเราสามารถดึงดูดผู้คนโดยให้ความรู้เหมือนพระเยซู
เช่น เปาโล , เปโตรเทศนา , สเทเฟ้นเล่าเรื่องพระคัมภีร์ , ฟิลิปอธิบายพระคัมภีร์ให้ขันทีฟัง , เปาโลสอนเรื่องพระเจ้าเที่ยงแท้ให้กับชาวกรุงเอเธน , สอนพระคัมภีร์แก่ชาวยิวในธรรมศาลา,
( กจ.2:14-42 6:8-15 7:1-60 8:26-40 17:1-34 18:24-28 )
- ปัจจุบันนี้เราสามารถทำได้และหลากหลายในการให้ความรู้ เช่น
การเรียนพระคัมภีร์เป็นกลุ่ม บทเรียนไปรษณีย์ และทางเวบไซด์ และทางหนังสืออื่นๆ
- ดังนั้นเราต้องมีการเรียนพระคัมภีร์ เรียนระวี ฟังคำเทศนา ร่วมสัมมนา ร่วมค่าย อื่นๆ
- แต่ปัญหา คือ เราไม่มีความรู้ เราไม่มารับความรู้ เราไม่ใส่ใจ เราไม่ยอมเสียเวลาศึกษาค้นคว้า
และปัญหา คือ เรารู้มากเกินไป และไม่มีการปฏิบัติจริง
- วันนี้เราจงดึงดูดคนโดยมีความรู้ให้กับเขา ทุกคนต้องการความรู้ ต้องการความจริง และคำตอบชีวิต
3. พระเยซูมีความรอดให้
- เป็นความรอดแท้ เป็นความรอดนิรันดร์ เป็นความรอดที่ร้อยเปอร์เซ็น
พระเยซูทรงเชื้อเชิญ ท้าทายให้คนเชื่อวางใจ เพื่อรับความรอด พ้นจากการพิพากษา
- พระเยซูมีความรอดให้ เพราะทรงเป็นพระเจ้า ผู้พิพากษา ผู้ช่วยให้รอด เครื่องบูชาไถ่บาป
( ยน1:29 14:6 3:16-20 10:10,28 ลก. 19:1-10 23: 39-42 )
เช่น พระเยซูทรงให้ความรอดกับศักเคียส , กับโจรที่กางเขน , และกับคนตรบอด คนผีเข้าสิงอื่นๆ
- เพราะเรื่องความรอดนี้เองจึงทำให้หลายคนหลั่งไหลเข้ามาและติดตามพระเยซู
/// พระเยซูทรงให้เรื่องความรอดเสมอในการสอน เชื้อเชิญท้าทายให้ตัดสินใจเชื่อ
- ทรงสอนทางรอดนั้นคับแคบ เพราะไปทางพระเจ้าไม่ใช่ทางของตนเอง มธ. 7:13-14
- ทรงสอนความรอดนั้นต้องทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าไม่ใช่ตามศาสนา 7:21-23
- ทรงสอนและสรุปการับความรอดเมื่อฟังแล้วตอบสนองอย่างไร
/ เชื่อ แต่ไม่มีการประพฤติ ไม่มีผล เชื่อแต่ปาก เชื่อปลอมๆ เชื่อแบบมาร (
ยก 2:17 ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล
2:19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นหนึ่ง นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อ และกลัวจนตัวสั่น
/ รับเชื่อ คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด 10ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด ( โรม10:9-10 ) ความรอดเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นที่สุด และทุกคนต้องการ
/// การประยุกต์ใช้ ....เราสามารถดึงดูดผู้คนโดยมีความรอดแท้ให้กับเขา ไม่ใช่ หกสิบ หรือ เก้าสิบเปอร์เซ็น - แม้ในกลุ่มคริสเตียนเองก็ไม่มีความรอดแท้จริงให้ เช่น รอดโดยพิธีบัพติศมา เป็นความเชื่อของกลุ่มคริสตจักรของพระคริสต์ จะมีปัญหามากกับพี่น้องชาวเขาทางภาคเหนือที่เข้าใจผิด และกลุ่มเซเวนเดย์สอนรอดโดยการประพฤติตามบัญญัติสิบประการ ก็ผิดเพราะไม่มีใครทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์ และกลุ่มคาทอลิกก็รอดโดยการทำพิธิกรรมให้ครบ และแล้วแต่บาทหลวงและสันตะปาปา ก็เป็นไปไม่ได้เพราะมนุษย์กับมนุษย์จะให้ความรอดไม่ได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น และ กลุ่มคาริสแมติคและกลุ่มความหวัง สอนว่าความรอดสูญหายได้เมื่อคริสเตียนทำบาปและพระวิญญาณจะออก และต้องรับเชื่อใหม่ บ่อยๆ
- เราต้องเอาความรอดเป็นจุดดึงดูดคนเข้ามา เพราะคนต้องการความรอดแน่นอน ไม่มีใครอยากตกนรก
และเราต้องอธิบายข่าวประเสริฐอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และเน้นเรารอดโดยพระคุณ ทางพระเยซู ไม่ใช่ทางการเป็รสมาชิกคริสตจักร หรือเป็นครอบครัวคริสเตียน พ่อแม่เป็นคริสเตียน ประเทศมีคริสเตียนเป็นศานาประจำชาติ ก็ไม่ช่วยให้ใครรอดได้ แต่คนที่เชื่อวางใจในพระเยซูจริงๆเท่านั้น
( อฟ 2:8-9 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ 9ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้)
สรุป...... พระเยซูทรงดึงดูดผู้คนเข้ามาหาพระองค์อย่างท่าทึ่งและอัศจรรย์ใจโดยใช้วิธีการง่ายๆ
1. มีความรักให้กับเขา
2. มีความรู้ให้กับเขา
3. มีความรอดให้กับเขา
- นี่คือจุดขาย จุดแข็ง จุดแตกต่างจากศาสนาและความเชื่ออื่นๆทั่วโลก ที่มีแค่สร้างภาพเท่านั้น
/ เพราะเขาไม่มีความรักแท้เหมือนพระเยซู
/ เพราะเขาไม่มีความรู้ ความจริงเหมือนพระเยซู
/ เพราะเขาไม่มีความรอดเหมือนพระเยซู และไม่มีใครเป็นผู้ช่วยให้รอดได้
( กจ 4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า” )
/ เพราะเขาไม่ใช่เจ้าของสวรรค์ จะช่วยให้อนุญาตให้เข้าสวรรค์ได้อย่างไร เราต้องรู้จักเจ้าของบ้าน เจ้าของสวรรค์ก่อนจึงจะเข้าไปได้ เช่น แม้เรารู้จักในหลวงแต่ในหลวงไม่อนุญาตเราก็เข้าวังไม่ได้
- ปัญหาทำคริสตจักรและคริสเตียนไม่ดึงดูดผู้คนหมือนพระเยซู
/ เพราะเราไม่ทำเหมือนพระเยซู เช่น มีความรักแค่ปาก ไม่เสียสละ ไม่มีการกระทำ
/ เพราะเราไม่ทำเหมือนพระเยซู ให้ความรู้จากความคิดของเรา ไม่ใช่จากพระคัมภีร์
และบางคนตีความหมายพระคัมภีร์ผิดๆ เพี้ยนๆ แผลงๆ เช่น พวกฟารีสีที่พระเยซูตำหนิ
ครั้งนั้นพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ออกจากกรุงเยรูซาเล็ม มาทูลถามพระเยซูว่า 2“ทำไมพวกสาวกของท่านจึงละเมิดคำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ด้วยว่าเขามิได้ล้างมือเมื่อรับประทานอาหาร” 3พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “เหตุไฉนพวกท่านจึงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า ด้วยเห็นแก่คำสอนที่พวกท่านรับมาจากบรรพบุรุษเล่า 4เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ว่า 'จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า' และ 'ผู้ใดประณามบิดามารดาจะต้องมีโทษถึงตาย' 5แต่พวกท่านกลับสอนว่า 'ผู้ใดจะกล่าวแก่บิดามารดาว่า “สิ่งใดของข้าพเจ้าซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่ท่าน สิ่งนั้นเป็นของถวายแด่พระเจ้าแล้ว” ผู้นั้นจึงไม่ต้องให้เกียรติบิดามารดาของตน' 6อย่างนั้นแหละ ท่านทั้งหลายทำให้ธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นหมันไป เพราะเห็นแก่คำสอนของพวกท่าน 7โอ คนหน้าซื่อใจคด อิสยาห์ได้พยากรณ์ถึงพวกท่านถูกแล้วว่า 8ประชาชนนี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของเขาห่างไกลจากเรา 9เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้ ด้วยเอาบทบัญญัติของมนุษย์มาตู่ว่า เป็นพระดำรัสสอนของพระเจ้า” ( มธ 15:1-9 )
- เพราะบางคนสอนเรื่องความรอดแต่ตัวเองก็ยังไม่รอด ไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ จะช่วยคนอื่นได้อย่างไร
- วันนี้ขอให้ชีวิตของเราทำตามอย่างพระเยซูเพื่อดึงดูดผู้คนเข้ามา ไม่ใช่ผลักเขาออกไป
โดยมีความรักให้เขา มีความรู้ให้เขา มีความรอดในพระเยซูให้เขา
ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพระพร
วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เกี่ยวกับฉัน
- คริสเตียนไทยรับใช้พระเจ้า
- พวกเราเป็นกลุ่มคริสตจักรท่มีความเชื่อตามหลักของพระคัมภีร์อย่างเคร่งครัด เราเชื่อว่า เรารอดโดยพระคุณพระเจ้า และเชื่อในตรีเอกานุภาพ และพระคัมภีร์66เล่มเป็นการดลใจจากพระเจ้าและไม่มีความผิดพลาดของต้นฉบับ และพระวจนะของพระเจ้าเป็นแหล่งชีวิตและความจริง เป็นหนังสือท่ช่วยในการดำเนินชีวิตประจำวัน เราเชื่อว่าเมื่อเราเชื่อในพระองค์เราได้รับองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ในทันใดนั้น เพราะทรงประทับตราเรา ( เอเฟซัส 1:13-14)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น